“พรายพล” ชงลดภาษีน้ำมัน 1-2 บาท แจกคูปองส่วนลดอุ้ม “รถบรรทุก”

“พรายพล” ชงลดภาษีน้ำมัน 1-2 บาท แจกคูปองส่วนลดอุ้ม “รถบรรทุก”

“นักวิชาการ” แนะ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลควรเลิกเพดานราคาดีเซล เสนอลดภาษีสรรพสามิต 1-2 บาท แจกคูปองส่วนลดให้ภาคขนส่งที่ต้องแบกภาระต้นทุนพุ่ง 10-15% หวังพยุงราคาสินค้าไม่ให้พุ่งตามราคาน้ำมัน

นายพรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระ กล่าวถึงสถานการณ์และโครงสร้างราคาน้ำมันในประเทศไทยว่า จากการที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบกับผู้บริโภคค่อนข้างมาก รวมถึงมีผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยระยะหนึ่ง เพราะในช่วงหลังราคาสินค้าและบริการเริ่มสูงขึ้นตามมาด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากราคาขายปลีกน้ำมันที่สูงขึ้น อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยระดับนึงแต่ไม่มาก

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ รัฐบาลได้โฟกัสไปที่เรื่องของการเปิดประเทศ แต่หากปล่อยให้ราคาน้ำมันแพงนานจนเกินไปก็จะกระทบมากขึ้น เพราะต้นทุนการขนส่งขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน โดยรถบรรทุกค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งเป็นค่าน้ำมัน ราคาที่สูงขึ้นคิดเป็น 20-30% แสดงว่าต้นทุนในการขนส่งเพิ่มขึ้น 10-15% อีกทั้ง ราคาน้ำมันและส่วนประกอบของราคาขายปลีก สะท้อนถึงวัตถุประสงค์หลายอย่างที่ขัดแย้งกัน ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการให้ผู้ใช้ได้ราคาที่เป็นธรรม ในขณะเดียวกันความเป็นธรรมต้องเป็นธรรมกับผู้ผลิตและผู้ค้าด้วย

สำหรับประเด็นการลดภาษีสรรพสามิตนั้น โดยหากลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ซึ่งปัจจุบันใช้น้ำมันดีเซลวันละ 60 ล้านลิตรส่งผลให้เงินภาษีของรัฐบาลจะหายไปเดือนละประมาณ 10,000 ล้านบาท หรือปีละ 120,000 ล้านบาท คิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้สรรพสามิตจากน้ำมัน และหากรายได้ภาษีสรรพสามิตลดลงปีละ 120,000 ล้านบาท ส่วนตัวมองว่ามากจนเกินไป ดังนั้น หากจะลดลงลิตรละ 1-2 บาท น่าจะเป็นราคาที่สมควรมากกว่า ส่วนการช่วยเหลือผู้ประกอบการภาครถขนส่ง อาจจะใช้วิธีแจกบัตรส่วนลดเหมือนกลุ่มแท็กซี่ เป็นต้น

“วัตถุประสงค์ของการเก็บภาษีสรรพสามิต คือการเก็บภาษีสินค้าสิ้นเปลืองต่างๆ แต่สรรพสามิตที่เก็บจากน้ำมันจะเปลี่ยนไปตรงที่ว่าต้องเก็บเพื่อเป็นภาษีคาร์บอน เพราะน้ำมันเมื่อเผาผลาญเเล้ว จะเกิดเป็นก๊าซเรือนกระจก ซึ่งขณะนี้โลกกำลังต้องการลดภาวะเหล่านี้ โดยวิธีในการลดภาวะโลกร้อนคือการเก็บภาษีให้เหมาะสม ซึ่งต้องเท่ากับความเสียหายที่เกิดขึ้น ถึงเวลาที่ประเทศไทยไม่ต้องตรึงราคาน้ำมัน การขายปลีกให้มีการขึ้นลงตามต้นทุนและตลาดโลก ไม่จำเป็นต้องใช้เงินกองทุนฯ มากจนเป็นหนี้เป็นสิน ในขณะเดียวกัน ในระยะยาวคงต้องปล่อยให้ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาด” นายพรายพล กล่าว