IAA เผย นักวิเคราะห์ขาดข้อมูลหุ้นเสี่ยงสูง แนะตลท.-สมาคมฯ ประสานงาน

IAA เผย นักวิเคราะห์ขาดข้อมูลหุ้นเสี่ยงสูง แนะตลท.-สมาคมฯ ประสานงาน

สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ชี้ กลุ่มหุ้นเสี่ยงสูงขาดบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แนะตลท.-สมาคมฯ ช่วยประสานงานจัด Analyst Meeting-เปิดเผยหลักเกณณ์การจัดชั้นหุ้นให้ชัดเจน

สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เปิดเผยว่า จากการติดตามภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ มีข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมา มีหลักทรัพย์จำนวนหนึ่งที่มีราคาซื้อขายพุ่งทะยานขึ้นหลายเท่าตัว โดยไม่สอดคล้องกับผลดำเนินงานที่ประกาศแล้ว กระทั่ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้ดำเนินมาตรการด้านการซื้อขาย T1 T2 และ T3 ตามลำดับของความไม่สอดคล้องกับผลดำเนินงาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงอันอาจจะเกิดต่อนักลงทุน และระบบโดยรวมของตลาด โดยกลุ่มหุ้นในระดับ T3 เป็นกลุ่มที่ผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุนมีความห่วงว่าผู้ลงทุนรายย่อยจะมีข้อมูลสำคัญและข้อมูลจากการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน ก่อนที่จะเข้าไปลงทุนหรือไม่

ทาง สมาคมนักวิเคราะห์ฯ จึงได้ทำการสำรวจข้อเท็จจริงและความเห็นจากสมาชิกนักวิเคราะห์การลงทุน เกี่ยวกับหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม T3 (ณ วันที่ทำการสำรวจ 18 – 21 ต.ค. 2564 โดยได้รับข้อมูลตอบกลับจาก 26 สำนักวิจัย)

ผลการสำรวจ สมาคมฯพบว่า 81% ของทีมวิจัย ไม่ทำการติดตามหุ้นในรายชื่อ T3 เลย อีก 19% ของทีมวิจัยมีการติดตามข้อมูลข่าวและข้อมูลผลการดำเนินงานที่ประกาศ โดยมี 15% ของทีมวิจัย (4ทีม) ที่มีการตอบคำถามด้วยวาจาต่อ IC และ นักลงทุน เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนและความเสี่ยง แต่ไม่มีทีมวิจัยใดเลยที่เขียนบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน หรือ การเขียน Comment ทางปัจจัยพื้นฐานต่อท้ายข่าว

สมาคมฯยังได้สอบถามถึงเหตุผลของทีมวิจัยที่ไม่ได้มีการจัดทำบทวิเคราะห์ พบว่า ประกอบด้วยหลายสาเหตุ เรียงลำดับตามที่ตอบมามากที่สุด คือ

1. ไม่มี Demand มาจาก IC และนักลงทุนของบริษัท มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 50%

2. นักวิเคราะห์เห็นว่าระดับราคาแพงเกินไป จนกระทั่ง แผนงานวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทที่แสดง ก็ไม่สามารถมารองรับระดับราคาได้ นักวิเคราะห์ไม่ต้องการเขียน Initial Report โดยการแนะนำขาย มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 42%

3. หุ้นกลุ่มดังกล่าว มีข้อมูลที่เผยแพร่น้อย และมีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 39%

4. หุ้นดังกล่าว ไม่มาให้ข้อมูลใน OPP Day มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 31%

5. นักวิเคราะห์ไม่สามารถติดต่อสัมภาษณ์ หรือขอรับข้อมูลเพิ่มเติม จากบริษัทหุ้น T3 ที่จัดให้ เฉพาะนักวิเคราะห์ มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 27%

6. ไม่มั่นใจว่าธุรกิจใหม่ๆ หรือวิสัยทัศน์ใหม่ที่บริษัทหุ้น T3 จะประสบความสำเร็จ มีทีมวิจัยที่ เลือกตอบข้อนี้ 19%

คำตอบดังกล่าวจากการ Survey ครั้งนี้ ยืนยันได้ถึงการขาดแคลนเป็นอย่างมากของข้อมูลวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานหุ้นในรายชื่อ T3 ทั้งๆ ที่หุ้นในกลุ่มนี้ มีผลดำเนินงานที่ประกาศไปแล้วไม่สอดคล้องกับระดับราคาหุ้น ดังนั้นการที่ผู้ลงทุนจะเข้าลงทุนหุ้นในกลุ่ม T3 นี้ จึงจำเป็นต้องมีการประเมินวิสัยทัศน์ และต้องวิเคราะห์อนาคตในประเด็นการทำธุรกิจใหม่ๆ ของบริษัทเหล่านี้ สมาคมฯมองว่าน่าจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยโดยทั่วไป ที่จะวิเคราะห์คาดการณ์ได้อย่างมั่นใจ และสมาคมฯ เห็นว่า หลักทรัพย์ในกลุ่มรายชื่อนี้ มีความเสี่ยงมากกว่าระดับโดยเฉลี่ยของหลักทรัพย์ปกติในตลาดหลักทรัพย์ฯ

เพื่อที่จะสนับสนุนให้เกิดบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน ทางสมาคมฯได้สอบถามทีมวิจัยถึงความต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมาคมฯสนับสนุนด้านใดบ้าง ได้รับคำตอบว่า ต้องการให้ช่วยประสานงานให้บริษัทกลุ่ม T3 ทำการจัด Analyst meeting โดยมีผู้ตอบประเด็นนี้ถึง 69%

และมีทีมวิจัย 31% ที่ต้องการให้จัด หลักสูตรอบรมเทคนิคในการวิเคราะห์หุ้นที่มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ แก่นักวิเคราะห์ฯ โดยเชิญนักวิเคราะห์อาวุโสที่มีประสบการณ์เห็นหุ้นที่มีความหวือหวาและเสี่ยงสูงมาหลายสิบปี เป็นผู้บรรยาย

มีทีมวิจัยประมาณ 12% ที่เสนอให้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ส่วนข้อเสนออื่นๆ ที่ทีมวิจัยกล่าวถึงอีก ได้แก่ อยากให้ทางตลาดบอกถึงหลักเกณฑ์การ ขึ้นเครื่องหมาย T1 - T3 ที่ชัดเจนมากขึ้น เป็นต้น