นักท่องเที่ยวจีน จะไม่กลับมาเร็วอย่างที่คิด

นักท่องเที่ยวจีน จะไม่กลับมาเร็วอย่างที่คิด

ความหวังที่นักท่องเที่ยว "จีน" ซึ่งเป็นลูกค้าสำคัญของภาคท่องเที่ยวไทย จะกลับมาในอนาคตอันใกล้เป็นไปได้ยาก จึงเป็นโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการไทยและผู้เกี่ยวข้องที่ต้องเตรียมรับมือ

ประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง ก่อนสถานการณ์โควิด สัดส่วนการท่องเที่ยวคิดเป็น 13-14% ของ GDP การท่องเที่ยวยังมีบทบาทในการจ้างงานมาก จ้างงานถึง 1 ใน 6 ของแรงงานในระบบเศรษฐกิจ 

ตลอดทศวรรษก่อนเกิดวิกฤตโควิด การท่องเที่ยวจึงมีบทบาทสูงต่อเศรษฐกิจไทย จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทยเพิ่มจาก 13 ล้านคนเมื่อ 10 ปีก่อน เป็น 40 ล้านคนในปี 2562 ผลของการที่ภาคท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญ พอการท่องเที่ยวทั่วโลกหยุดชะงักจากโควิด เศรษฐกิจไทยจึงได้รับผลกระทบรุนแรงไปด้วย

ทั้งนี้ เมื่อเจาะเป็นรายประเทศจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่ มาเลเซีย อินเดีย เกาหลี และลาว โดยในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจากจีนมาไทยมากถึง 10.99 ล้านคน หรือกว่า 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด จึงกล่าวได้ว่านักท่องเที่ยวจากจีนมีบทบาทสูงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย โดยปีที่แล้ว โควิดทำให้นักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลงถึง 88.6% เทียบกับปี 2562 

หลังเกิดโควิด รัฐบาลจีนออกมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าและออกประเทศโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวตั้งแต่ ม.ค. 2563 หรือตั้งแต่ช่วงต้นของการระบาด ทั้งยังจำกัดประเภทวีซ่าที่อนุญาตให้เดินทางเข้าจีนได้ไม่กี่ประเภท เช่น วีซ่าทำงานระยะยาว วีซ่าครอบครัวหรือเยี่ยมญาติ ขณะที่วีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว วีซ่าระยะสั้น ยังไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ

คำถามสำคัญคือ นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเมื่อใด 

คำตอบคือ นักท่องเที่ยวจีนจะไม่กลับมาเร็วนัก ทั้งนี้เนื่องจาก

- หากการเปิดประเทศของจีนขึ้นกับจำนวนประชาชนที่ได้รับวัคซีน มีการประเมินว่า กว่าสัดส่วนคนจีนจะได้รับวัคซีนถึง 60% ของประชากรคือไตรมาส 2 ของปี 2022 หรือปีหน้า (ข้อมูลจากเว็บไซต์ Deutsche Welle สำนักข่าวเยอรมัน ณ 13 ต.ค. 2021)

- มาตรการของรัฐบาลจีนที่ให้ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศต้องกักตัว มีความเข้มข้น ต้องกักตัวหลายวัน อาจสูงสุดถึง 21 วัน โดยกำหนดให้สนามบินของไม่กี่เมืองเท่านั้นที่ให้สายการบินจากต่างประเทศไปลงได้เพื่อกักตัวก่อน ทั้งค่าใช้จ่ายในการกักตัว ผู้เดินทางต้องรับผิดชอบเอง ต้นทุนสูงทั้งเงินและเวลา

- มาตรการกักตัวสำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศมีแนวโน้มถูกใช้ไปถึงช่วงหลังของปี 2022 โดยระยะแรกอาจยกเว้นให้เฉพาะผู้ที่เดินทางจากฮ่องกงและมาเก๊าเท่านั้น ขณะที่ผู้ที่เดินทางจากประเทศอื่น รวมถึงคนจีนหากไปประเทศอื่นกลับเข้าจีน ยังต้องกักตัวอยู่ 

- มีการประเมินว่ามาตรการกักตัวสำหรับการเดินทางจากต่างประเทศ (ทุกประเทศ) กว่าจะยกเลิก คือปี 2023 เลย

- ทั้งนี้จึงมีการคาดการณ์ว่า กว่าจำนวนคนจีนที่เดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิด คือต้นปี 2024 ทีเดียว

ล่าสุด เมื่อ 21 ต.ค. 2564 รัฐบาลจีน ยังออกประกาศย้ำความเข้มงวดของมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าออกทั้งสำหรับคนจีนและนักท่องเที่ยว โดยห้ามบริษัททัวร์พาคนจีนเดินทางเที่ยวต่างประเทศ และห้ามนำคณะทัวร์จากต่างประเทศเข้าจีน

นี่ยังไม่นับความเสี่ยงอื่น เช่น ความเสี่ยงมีเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ทำให้การระบาดเพิ่มขึ้น ควบคุมยากขึ้น หรือการที่ที่ผ่านมาวัคซีนหลักที่ประเทศจีนใช้คือวัคซีนเชื้อตายซึ่งมีข้อจำกัดในการรับมือไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทั้งหมดนี้ทำให้รัฐบาลจีนมีแนวโน้มใช้มาตรการควบคุมเข้มงวดในการเปิดประเทศต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดให้ได้มากสุด 

ดังนั้นแม้ไทยจะเปิดประเทศแล้ว แต่ช่วงต้น ชาวจีนที่มาไทยคงไม่ใช่นักท่องเที่ยวระยะสั้น หรือคณะทัวร์จำนวนมากเหมือนช่วงก่อนโควิด แต่มีแนวโน้มเป็นผู้เดินทางมาพักอาศัยระยะยาวหรือทำงานในไทยมากกว่า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยที่เน้นรับนักท่องเที่ยวจีนแบบหมู่คณะอาจต้องเตรียมใจ

อย่างไรก็ตาม ข่าวดีคือไทยยังคงเป็นอันดับ 1 ที่ครองใจชาวจีน เป็นหมุดหมายที่คนจีนอยากมาเที่ยวมากสุด จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะไทย-จีน (TCIC) คนจีนมากถึง 55% ยังเห็นว่าไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่อยากมามากสุด รองลงมาคือญี่ปุ่น 24% สิงคโปร์ 11% เกาหลีใต้ 5% และทวีปยุโรป 4% โดยจังหวัดที่คนจีนอยากมามากสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ และเกาะสมุย ตามลำดับ 

กล่าวโดยสรุป ความหวังที่นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นลูกค้าสำคัญของภาคท่องเที่ยวไทย จะกลับมาในอนาคตอันใกล้เป็นไปได้ยาก จึงเป็นโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการไทยและผู้เกี่ยวข้องที่ต้องเตรียมรับมือ