จุรินทร์” สั่งปูพรม!รถโมบายผักราคาส่ง 50 คัน ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล

จุรินทร์” สั่งปูพรม!รถโมบายผักราคาส่ง 50 คัน ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล

พาณิชย์รับผักบางชนิดราคาพุ่งจากน้ำท่วมทำผลผลิตเสียหาย บวกเปิดประเทศส่งผลความต้องการสูง เร่งแก้ปัญหาจัดรถโมบายจำหน่ายผักสดราคาส่งทั่วกรุงและปริมณทล เริ่ม 3 พ.ย. พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงปัญหาราคาผักแพง ว่า  ขณะนี้ราคาผักบางชนิดปรับราคาสูงขึ้น เช่น ผักชีแพงขึ้น 3-4 เท่าจากราคาปกติ  ซึ่งผักบางชนิดแหล่งผลิตส่วนใหญ่มาจากภาคกลางซึ่งประสบกับปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาทำให้ผักเสียหายจำนวนมาก ส่งผลต่อปริมาณผักในตลาดลดลง บวกกับจากการเปิดประเทศที่ร้านอาหารมีความต้องการนำผักไปทำอาหารขายเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามา    ซึ่งตนได้หารือกับกรมการค้าภายในแล้ว ประเมินว่าน่าจะเป็นช่วงระยะเวลาที่ไม่นานนัก พอสถานการณ์น้ำลดเกษตรกรกลับไปปลูกผักได้เหมือนเดิม ราคาน่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลานี้ ทางกรมการค้าภายในจะจัดรถโมบายขายผักราคาถูก โดยมาจากตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดอื่นๆ นำมาจำหน่ายในราคาขายส่งให้กับประชาชน โดยรถโมบายจำนวน 50 คัน จะเริ่มในวันที่ 3 พ.ย.นี้วิ่งจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล

จุรินทร์” สั่งปูพรม!รถโมบายผักราคาส่ง 50 คัน ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล

ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าอื่นๆ  ได้มีการติดตามตลอดตั้งแต่ก่อนโควิดและช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา ซึ่งได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดเข้าไปดูแลในเรื่องของราคาและปริมาณให้เพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในช่วงน้ำท่วมก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันเมื่อปรากฏข่าวที่อาจมีปัญหากับระบบการขนส่ง ได้สั่งการล่วงหน้าให้บริษัทผู้ผลิตสำคัญเร่งส่งสินค้าจำเป็นไปยังศูนย์กระจายสินค้า อย่าให้เกิดปัญหาการขาดแคลน  ด้านราคาได้มีการติดตามและประชุมร่วมกับผู้ผลิต ผู้จำหน่ายขอให้ตรึงราคาสินค้า  ถ้าจะขอปรับราคาขึ้นต้องขออนุญาตอธิบดีกรมการค้าภายในก่อน ซึ่งยังไม่มีการอนุมัติอนุญาตให้รายใดขึ้นราคา

สำหรับทุกจังหวัดถ้าพบการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ฉวยโอกาสซ้ำเติมจากสถานการณ์การขนส่งใด การขึ้นราคาสินค้าหรือค้ากำไรเกินควรให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งการค้ากำไรเกินควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นโทษที่แรงที่สุดให้ดำเนินคดีโดยไม่ต้องเกรงใจใครทั้งสิ้นเพราะเรามีหน้าที่ต้องดูแลทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย