“ทีเส็บ” เร่งพัฒนาศักยภาพไมซ์ซิตี้ ชูต้นแบบ “ภูเก็ต” ขานรับเปิดประเทศ

“ทีเส็บ” เร่งพัฒนาศักยภาพไมซ์ซิตี้  ชูต้นแบบ “ภูเก็ต” ขานรับเปิดประเทศ

“ทีเส็บ” จัดประชุมสุดยอดผู้นำไมซ์ “MICE City Summit 2021” ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากโมเดล “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เร่งพัฒนาศักยภาพเมือง เตรียมความพร้อมรับการเปิดประเทศ ส่งเสริมการจัดงานและกระจายรายได้สู่ภูมิภาค

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บเดินหน้าพัฒนาศักยภาพเมืองไมซ์ของไทยพร้อมกับขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE : การจัดประชุม ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และจัดแสดงสินค้า) ของภาคใต้ โดยจัดกิจกรรมประชุมสุดยอดผู้นำไมซ์ MICE City Summit 2021” และเสวนาการถอดบทเรียนจาก “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมืองด้วย Phuket Sandbox” ที่ จ.ภูเก็ต นำผู้บริหารเมืองไมซ์และผู้นำภาคเอกชนจาก 16 จังหวัด ร่วมเรียนรู้และเสริมสร้างประสบการณ์การเป็นเจ้าภาพงานระดับนานาชาติของ จ.ภูเก็ต ทั้งด้านการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การจัดประชุมองค์กรและประชุมสมาคมในระดับนานาชาติ การจัดงานแสดงสินค้า และเรียนรู้การริเริ่มทำโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จากภาครัฐและเอกชนที่ผลักดันจนเป็นโมเดลการเปิดประเทศไทยในระดับโลก เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไมซ์ รองรับการเติบโตของนักเดินทางไมซ์จากทั่วโลก

โดย 16 เมืองไมซ์ที่เข้าร่วมมีจำนวน 10 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา นครราชสีมา พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี และเมืองที่มีศักยภาพอีก 6 แห่ง ได้แก่ ระยอง เชียงราย นครศรีธรรมราช เพชรบุรี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ การประชุมครั้งนี้จะมีการหารือแผนการดำเนินการระดับจังหวัดและภูมิภาคร่วมกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานของจังหวัดภูเก็ตในฐานะเมืองไมซ์ที่มีความพร้อมและประสบการณ์ในการต้อนรับนักเดินทางไมซ์จากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อีกทั้งยังจัดให้มีกิจกรรมการเยี่ยมชมและร่วมกิจกรรมไมซ์ในชุมชนท้องถิ่นที่หลากหลาย เช่น เยี่ยมชมเส้นทาง Thailand 7 MICE Magnificent Themes ในย่านเมืองเก่าภูเก็ต และชุมชนบ้านบางโรง ที่ทีเส็บได้พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับนักเดินทางไมซ์

 

“ทีเส็บ” เร่งพัฒนาศักยภาพไมซ์ซิตี้  ชูต้นแบบ “ภูเก็ต” ขานรับเปิดประเทศ

พร้อมกันนี้ทีเส็บได้เปิดตัว “สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการภาคใต้” ที่ จ.ภูเก็ต อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการไมซ์ทางภาคใต้ในการติดต่อประสานงาน การส่งเสริมและการขอรับการสนับสนุนในด้านต่างๆ ตลอดจนการใช้เป็นสถานที่ในการพัฒนาและฝึกอบรมเพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานในด้านต่างๆ ให้กับบุคลากรและผู้ประกอบการไมซ์

“ในฐานะที่ภูเก็ตเป็นหนึ่งในเมืองไมซ์หลัก และเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องในการเปิดเมืองรับนักเดินทางจากต่างชาติตามโมเดล Phuket Sandbox ทีเส็บจึงดำเนินการส่งเสริมตลาดไมซ์โดยให้ภูเก็ตเป็นหมุดหมายหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของภาคใต้เชื่อมต่อกับเมืองอื่น ๆ เช่น การจัดทำเส้นทางไมซ์และผลิตภัณฑ์ใหม่ในโครงการ Thailand 7 MICE Magnificent Themes ในการพัฒนาเส้นทางใหม่สำหรับบริษัท DMC (Destination Management Company) ภูเก็ต-สมุย การพัฒนาเส้นทางกลุ่มลูกค้าทางเรือสำราญ และเส้นทางอาหารพื้นถิ่นในภาคใต้และจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น”

อ่านข่าว : ท่องเที่ยวเดินหน้า "Reopen Thailand" จ่อดึงเมกะอีเวนท์หวังสะพัด "แสนล้าน"  

“ทีเส็บ” เร่งพัฒนาศักยภาพไมซ์ซิตี้  ชูต้นแบบ “ภูเก็ต” ขานรับเปิดประเทศ

ทั้งนี้หลังจากที่รัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรนการจัดงานไมซ์ ทีเส็บจะเร่งทำตลาดไมซ์ในภาคใต้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นตลาดในประเทศเป็นหลักด้วยแพ็กเกจสนับสนุนการจัดงานไมซ์ สำหรับกลุ่มการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศ สนับสนุนผ่านโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” กลุ่มการจัดประชุมภายในประเทศ สนับสนุนผ่านแคมเปญ Domestic Convention Recovery และกลุ่มการจัดงานแสดงสินค้าภายในประเทศ สนับสนุนผ่านแคมเปญ Domestic Exhibition Recovery รวมถึงการสนับสนุนด้านการดึงงานและการจัดงานเมกะอีเวนต์ งานเฟสติวัล มาจัดในพื้นที่ภาคใต้มากยิ่งขึ้น

ขณะที่ตลาดต่างประเทศ จะดำเนินการทำงานร่วมกับผู้แทนการตลาดในต่างประเทศของทีเส็บ โดยการอัปเดตข้อมูลใหม่ๆ ให้ตลาดได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไมซ์ใหม่ โรงแรม หรือสถานที่จัดการประชุมที่เพิ่งเปิดตัว รวมถึงชุมชนต่างๆ ในภาคใต้ที่สามารถรองรับนักเดินทางไมซ์ได้

“แนวโน้มความต้องการของตลาดไมซ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตช่วงเดือน ก.ค.-ธ.ค.2564 ทีเส็บคาดการณ์ว่า จะมีนักเดินทางไมซ์ประมาณ 10% ของนักเดินทางที่เข้ามายังภูเก็ต หรือคิดเป็นจำนวน 12,000 คน จากกลุ่มประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลเป็นหลัก ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 960 ล้านบาท” นายจิรุตถ์กล่าว