"เมย์แบงก์ กิมเอ็ง" ไตรมาส 3/64 กำไร 183.64 ล้านบาท

"เมย์แบงก์ กิมเอ็ง" ไตรมาส 3/64 กำไร 183.64 ล้านบาท

"เมย์แบงก์ กิมเอ็ง" ไตรมาส 3/64 คว้ากำไร 183.64 ล้านบาท พุ่งกว่า 167.21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อานิสงส์รายได้ค่าคอมฯ เพิ่มขึ้น 55.79% แตะ 614.38 ล้านบาท

นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 183.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 167.21 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 68.73 ล้านบาท บริษัทฯ โดยรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 220.01 ล้านบาท จาก 394.37 ล้านบาท เป็น 614.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 55.79

เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 212.66 ล้านบาท จาก 356.42 ล้านบาท เป็น 569.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 59.66 อันเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 56,139.43 ล้านบาท/วัน เป็น 92,912.47 ล้านบาท/วัน หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.50 และ สัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัท เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 45.00 เป็นร้อยละ 45.68 อันเป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลเพิ่มขึ้นจาก 25,260.99 ล้านบาท/วัน เป็น 42,445.50 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.03

ขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 6.56 ล้านบาท จาก 37.94 ล้านบาท เป็น 44.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.28 ส่วนรายได้ค่านายหน้าอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้ค่านายหน้าจากบริการเสนอซื้อหลักทรัพย์จากประชาชนทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 100.00

2. รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 32.99 ล้านบาท จาก 14.69 ล้านบาท เป็น 47.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 224.59 เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 18.96 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 2.80 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นเพิ่มขึ้น 11.23 ล้านบาท

3. รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 31.98 ล้านบาท จาก 161.31 ล้านบาท เป็น 193.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.83 เนื่องมาจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 65.21 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 2.08 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลลดลง 8.63 ล้านบาท และกำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินลดลง 26.68 ล้านบาท

4. ค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 138.03 ล้านบาท จาก 491.50 ล้านบาท เป็น 629.53 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.08 เนื่องมาจาก ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้น 112.89 ล้านบาท ค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้น 17.39 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 17.13 ล้านบาท และ ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 0.57 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายอื่นลดลง 9.95 ล้านบาท

5. ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 32.04 ล้านบาท จาก 10.14 ล้านบาท เป็น 42.18 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 315.97 เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ดังนั้น จึงมีผลทำให้ผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2564 เพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานในงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 167.21