KBANK ผลประกอบการ 3Q64: สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมยังโตได้ดี

KBANK ผลประกอบการ 3Q64: สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมยังโตได้ดี

กำไรสุทธิของ KBANK ใน 3Q64 อยู่ที่ 8.6 พันล้านบาท (-3% QoQ, +29% YoY) ดีกว่าประมาณการของเรา/consensus 20%/5% เนื่องรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมหลักของธนาคารในส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารสินทรัพย์

และนายหน้าค้าหลักทรัพย์สูงเกินคาด ในขณะที่ยอดกันสำรองหนี้เสียลดลง ทั้งนี้ กำไรสุทธิในงวด 9M64 อยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท (+73%) คิดเป็น 85% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

 

สินเชื่อยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

สินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น (+3% QoQ, +9% YTD, +13% YoY) โดยที่ NIM ทรงตัวอยู่ที่ 3.2% ทั้งนี้ ประมาณหนึ่งในสามของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นมาจากสินเชื่อที่ปล่อยให้กับลูกหนี้ที่ประสบปัญหา อีกหนึ่งในสามมาจากสินเชื่อธุรกิจเพื่อเตรียมตัวสำหรับการกลับมาเปิดทำธุรกิจอีกครั้ง ส่วนที่เหลือจะมาจากสินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อย ทั้งนี้ ธนาคารอธิบายว่า NIM ที่ทรงตัว QoQ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการเพิ่มเติมอย่างเช่น การเว้นค่างวด และมาตรการอื่น ๆ ที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาในช่วงที่ COVID-19 ระบาดใน 3Q64 ส่งผลให้ NII เร่งตัวขึ้นตามสินเชื่อที่ขยายตัว +3% QoQ และ +13% YoY ใน 3Q64 และ +8% ในงวด 9M64

 

รายได้ค่าธรรมเนียมแข็งแกร่ง แต่มีผลขาดทุนจากรายการ FVTPL เล็กน้อย

รายได้จากค่าธรรมเนียมและการให้บริการค่อนข้างทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น +10% YoY ใน 3Q64 และ+8% ในงวด 9M64 ดีกว่าประมาณการของเราอย่างมาก โดยรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกรรมธนาคารหลักที่เพิ่มขึ้นทั้งใน 3Q64 และ 3M64 มาจากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน, ค่าธรรมเนียม IB,ค่าธรรมเนียมนายหน้าค้าหลักทรัพย์ และค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ wealth management อย่างไรก็ตาม ความผันผวนในตลาดพันธบัตรทำให้เกิดผลขาดทุนจากรายการ FVPTL เล็กน้อยประมาณ 120 ล้านบาท ใน 3Q64 (จากที่มีกำไร 1.2 พันล้านบาทใน 2Q64)

 

 

 

 

NPL ลดลงเล็กน้อย 1% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 10% YoY

NPL ลดลงเล็กน้อยในขณะที่ยอดหนี้มีปัญหาในโครงการผ่อนผันหนี้ที่เพิ่มเล็กน้อย และคิดเป็น 15%ของสินเชื่อรวม (เพิ่มขึ้นจาก 14% ใน 2Q64) โดยหลักมาจากหนี้กลุ่มรายย่อย ถึงแม้ว่า NPL ที่บบริษัทจัดการได้ และหนี้ในโครงการผ่อนผันหนี้ก็เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ธนาคารยังกันสำรองไว้สูงถึง 184bps ใน 3Q64 (จาก 180bps ใน 2Q64) แต่สัดส่วน NPL ยังไม่เพิ่มขึ้น แสดงว่ามีการ write-off หนี้เสียก้อนใหญ่ใน 3Q64

 

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564-65 ขึ้น 7%/8 และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2565F เป็น 173 บาท

การปรับประมาณการกำไรของเราสะท้อนถึง i) การปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อเป็น11%/8% (จากเดิมปีละ 6% ) ii) การปรับเพิ่มอัตราการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมเป็น 5%/10% (จากเดิม 4%/8.5%) และ iii) การปรับลด credit cost ลงเหลือ 180bps/160bps (จากเดิม 180bps/170bps) ทั้งนี้ เมื่อใช้ P/BV ที่ 0.9x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 173 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 160 บาท

 

Risks

ถูกเกณฑ์ของทางการบีบให้ต้องปรับลดดอกเบี้ยลงอีก, NPL และยอดกันสำรองเพิ่มขึ้น.