ผ่าแผนดัน GDP โค้งสุดท้าย 0.5% อัดคนละครึ่ง – ยิ่งใช้ยิ่งได้ ฟื้นเศรษฐกิจ

ผ่าแผนดัน GDP โค้งสุดท้าย 0.5%  อัดคนละครึ่ง – ยิ่งใช้ยิ่งได้ ฟื้นเศรษฐกิจ

แม้ประเทศไทยจะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พ.ย.2564 หากแต่ความหวังในการฟื้นฟู และสร้างความคึกคักทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือ 1 – 2 เดือนของปีนี้ยังอยู่ที่การบริโภคในประเทศเป็นหลัก

เนื่องจากในช่วงแรกของการเปิดประเทศจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามายังไม่มากนัก และประเทศหลักที่เป็นกลุ่มเป้าหมายการท่องเที่ยวของไทยยังไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวเดินหน้าออกจากประเทศมากนัก

เราจึงเห็นการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของการบริโภคของรัฐบาลวงเงินรวมกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวงเงินที่ใช้เงินจาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพิ่มเติม พ.ศ.2564 วงเงิน 5 แสนล้านบาท

แบ่งเป็นการเติมเงินให้โครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 เพิ่มเติมอีกคนละ 1,500 บาท จำนวน 28 ล้านคน วงเงิน 4.2 หมื่นล้านบาท  และการเพิ่มวงเงินในโครการยิ่งใช้ยิ่งได้อีก 3,000 ล้านบาท “กรุงเทพธุรกิจ” ติดตามผลกระทบของเม็ดเงินทั้งสองโครงการที่มีต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งโดยรวมแล้วทั้งสองโครงการจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ได้ประมาณ 0.5%

อ่านข่าว : "รัฐบาล" ปลื้ม "คนละครึ่ง เฟส 3 -ยิ่งใช้ยิ่งได้”กระตุ้นเศรษฐกิจ ลดค่าครองชีพ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ฯ ที่มีนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นประธานได้พิจารณาข้อเสนอของกระทรวงการคลัง โดยในส่วนแรกการเติมเงินให้กับโครงการคนละครึ่ง คนละ 1,500 บาท จำนวน 28 ล้านคน โดยมีระยะเวลาในการดำเนินงานในเดือน พ.ย. - ธ.ค.2564

 โดยคาดว่าจะมีวงเงินหมุนเวียนรวม 8.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่รัฐบาลเติมเงินให้ 4.2 หมื่นล้านบาท และเงินที่ประชาชนเติมตามเงื่อนไขของโครงการคนละครึ่งอีก 4.2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ GDP ขยายตัวได้ 0.24% ทั้งนี้ในการพิจารณาของคณะกรรมการมีความเห็นว่าจะเพิ่มให้เฉพาะวงเงินโดยไม่เพิ่มระยะเวลาในการจับจ่ายเพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสี่ 4 ของปีนี้ โดยโครงการนี้สามารถที่จะเพิ่มอุปสงค์การบริโภคภาคในประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีรายได้จากการซื้อสินค้าและบริการ รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในชีวิตประจำวัน

สำหรับเงื่อนไขของโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 เพิ่มเติม คือ

1)เป็นผู้ลงทะเบียนใหม่และผู้ที่เคยได้รับสิทธิ์แล้ว

2)ได้รับสิทธิสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าและบริการทั่วไป รวมทั้งสามารถซื้ออาหาร และเครื่องดื่มจากร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 ผ่านผู้ให้บริการระบบ ขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน อีกจำนวน 1,500 บาทต่อคน โดยจะสนับสนุนเพิ่มในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม

3) เป็นประชาชนทั่วไป สัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

สำหรับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่มีการปรับปรุงเงื่อนไข และเพิ่มวงเงินในโครงการอีก 3,000 ล้านบาท กระทรวงการคลังรายงานว่าการเพิ่มวงเงินสนับสนุนในโครงการนี้จะช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้จีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ 0.06 % โดยตลอดระยะเวลายิ่งใช้ยิ่งได้จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้จีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.27%

สำหรับเงื่อนไขของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่ปรับปรุงใหม่ประกอบไปด้วย

1)เพิ่มวงเงินในโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ อีก 3,000 ล้านบาท จำนวนไม่เกิน 1 ล้านสิทธิ

2)ปรับเพิ่มหลักเกณฑ์ในการคำนวณการให้สิทธิสนับสนุน e-Voucher และเพิ่มวงเงินสนับสนุน e-Voucher จากเดิมไม่เกิน 7,000 บาท เป็น 10,000 บาทต่อคน ในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2564 โดยมีเงื่อนไขได้แก่ - การใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 คำนวณด้วยวิธีการเดิม

- สำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564

โดยการรับสิทธิ์จะได้รับสิทธิ์ดังนี้

  • สำหรับยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher 10% ของ ยอดใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน

 

  • สำหรับยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001– 80,000 บาท ได้รับ e-Voucher 15% ข อ งยอด ใช้จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 6,000 บาทต่อคน

 

  • สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณ e-Voucher เต็มจำนวน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งมีสิทธิ ได้รับ e-Voucher จำนวน 7,000 บาท เรียบร้อยแล้ว จะมีสิทธิได้รับ e-Voucher เพิ่มเติม

 

  • หากมีการใช้จ่ายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ในระหว่างวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับสิทธิ e-Voucher 15 %ของยอดใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน