"สีลมเอจ"มิกซ์ยูสพันธุ์ใหม่เจาะนิวเจนปั้นสังคมแซนด์บ็อกซ์ใจกลางเมือง

"สีลมเอจ"มิกซ์ยูสพันธุ์ใหม่เจาะนิวเจนปั้นสังคมแซนด์บ็อกซ์ใจกลางเมือง

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย บูมมิกซ์ยูสใหม่ “สีลมเอจ” ปักหมุดหัวมุมสีลม ปั้นสังคมแซนด์บ็อกซ์แห่งใหม่ใจกลางเมือง เนรมิตอาคารเก่าสู่ความล้ำสมัยแบบเล็กพริกขี้หนู!

ย่านธุรกิจการค้า “สีลม” หนึ่งในสุดยอดทำเลใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ ในยุคแรก ๆ ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งทางการเงินและแหล่งธุรกิจซึ่งมีชาวต่างชาติเข้ามาปักหลักมากมายจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “วอลล์สตรีท” ของประเทศไทย! นอกจากจะเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำของไทยและบริษัทข้ามชาติแล้ว ยังเป็นจุดเชื่อมโยงการคมนาคมทั้งรถไฟฟ้า  BTS และ MRT

ปัจจุบันย่านสีลมมีอาคารสำนักงานรวมกว่า 43 แห่ง คอนโดมิเนียมทุกระดับแฝงตัวอยู่ โรงเรียน 23 แห่ง โรงพยาบาล 3 แห่ง โครงการค้าปลีกอีก 3 แห่ง และธุรกิจ “ไนท์ไลฟ์” ที่สร้างสีสันให้เมืองไทยโด่งดังไปทั่วโลก ก่อให้เกิดกำลังซื้อมหาศาลในย่านนี้ ด้วยปริมาณทราฟฟิกวันธรรมดากว่า 7 แสนคน ส่วนวันหยุดสุดสัปดาห์มีทราฟฟิก 5 แสนคน จากฐานผู้พักอาศัย 2.2 แสนคน และคนทำงานกว่า 3.5 แสนคน

ย่านเศรษฐกิจสำคัญของประเทศแห่งนี้ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาปักหมุดพัฒนาโครงการรองรับโอกาสแห่งอนาคตตลอดเวลา!  โดย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ตระกูล “สิริวัฒนภักดี” ยึดทำเลศักยภาพสูงบริเวณหัวมุมถนนสีลมตัดกับถนนพระราม 4  ซึ่งเป็นที่ดินให้เช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ขนาด 2 ไร่ 2 งาน 71 ตารางวา ด้วยสัญญาเช่า 30 ปี แทนโรบินสันสีลม ประกาศเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน หรือ “มิกซ์ยูสพันธุ์ใหม่” ในชื่อ “สีลมเอจ” (Silom Edge) มูลค่าการลงทุน 1,800 ล้านบาท ร่วมวงปลุกความคึกคักและพลิกโฉมย่านแลนด์มาร์คสีลมให้ล้ำสมัย! 

\"สีลมเอจ\"มิกซ์ยูสพันธุ์ใหม่เจาะนิวเจนปั้นสังคมแซนด์บ็อกซ์ใจกลางเมือง

\"สีลมเอจ\"มิกซ์ยูสพันธุ์ใหม่เจาะนิวเจนปั้นสังคมแซนด์บ็อกซ์ใจกลางเมือง

ธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country CEO) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT กล่าวว่า โครงการ “สีลมเอจ” ถือเป็นโครงการแบบ Re-development ครั้งแรกของบริษัทที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งและกระจายความเสี่ยง พร้อมเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้พอร์ตคอมเมอร์เชียล จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการนี้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2565 คาดใช้เวลาคืนทุน 9-10 ปี มีผลตอบแทนการลงทุน IRR (Internal Rate of Return) อยู่ที่กว่า 10%

การแปลงโฉมอาคารเก่าดังกล่าวซึ่งเคยเป็นอาคารสำนักงานแห่งแรกของถนนสีลมสู่ความล้ำสมัยในแบบ “สีลมเอจ” ที่ปฎิวัติรูปแบบการพัฒนาอาคารแบบเดิมๆ ด้วยการคิดนอกกรอบ ถูกวางคอนเซปต์ให้เป็น สังคมแซนด์บ็อกซ์ใจกลางเมือง หรือ  “The New Sandbox Community in CBD” โดยจับเทรนด์ดิจิทัลดิสรัปชั่น ชูวิถีต่างเชื่อมโยงผู้คนในทุกมิติตามแนวคิด “BE DIFFERENT. BE CONNECTED.”  เป็นพื้นที่เพื่อการเรียนรู้และต่อยอดธุรกิจ พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ บนอาคารสูง 24 ชั้น มีพื้นที่โครงการรวม 50,000 ตารางเมตร  เป็นพื้นที่ให้เช่า 22,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนของอาคารสำนักงานพันธุ์ใหม่ 12 ชั้นบนสุดด้วยขนาดพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร และพื้นที่ค้าปลีกมี 7 ชั้นด้วยขนาดพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่จอดรถรองรับ 300 ยูนิต

ปัจจุบันโครงการสีลมเอจได้เริ่มดำเนินการพัฒนาไปแล้วกว่า 65% ด้วยทีมออกแบบและทีมก่อสร้างที่มีคุณภาพ มั่นใจว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือน ก.ย.2565

“แม้โครงการสีลมเอจจะไม่ใช่โครงการขนาดใหญ่ แต่ก็เป็นโครงการขนาดเล็กที่ดีที่สุดบนทำเลที่มีศักยภาพซึ่งกำลังจะมีการพัฒนามิกซ์ยูสขนาดใหญ่ของรายอื่น ยืนยันถึงกำลังซื้อมหาศาลของย่านสีลม"

สีลมเอจ มีความแตกต่างด้านคอนเซปต์อย่างชัดเจน ในการเป็นพื้นที่แซนด์บ็อกซ์บนทำเลสุดยอดใจกลางเมือง มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก ทั้งผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา จากวิกฤติโควิด-19 เป็นปัจจัยเร่งให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปจากเดิม การซื้อสินค้าและบริการออนไลน์กลายเป็นนิวนอร์ม 

แน่นอนว่า ผู้ประกอบการบนโลกออนไลน์เริ่มเห็นความจำเป็นในการขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าบนโลกออฟไลน์ ดังนั้น การมีออฟฟิศหรือร้านค้าบนทำเลใจกลางกรุงเทพฯที่เดินทางสะดวก จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยสร้างแต้มต่อในการแข่งขันธุรกิจ

สีลมเอจ ยังพร้อมให้เหล่า “รุกกี้” (Rookie) หรือ ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่มีศักยภาพ แต่ยังขาดประสบการณ์ และต้องการสนามแข่งได้เข้ามาทดลองเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาด โครงการสีลมเอจจึงเปรียบเสมือนเป็น “Rookie Paradise” ของผู้ประกอบการตัวเล็กได้ลองสนาม ด้วยการชูโมเดล “O2O2O”(Online to Offline to Online) 

นั่นเพราะการขายของบนช่องทางออนไลน์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีหน้าร้านรองรับลูกค้าที่ต้องการเห็นและสัมผัสสินค้า เพื่อต่อยอดยอดขายออนไลน์ต่อไป พื้นที่หน้าร้านจึงไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก เพียงแค่ 10 ตารางเมตรก็สามารถทำมาค้าขายได้แล้ว

นอกจากนี้ ตัวโครงการยังตอบโจทย์ความต้องการของคนเจนใหม่ (New Gen) ในยุคดิจิทัล สอดรับกับเทรนด์โลกที่ทุกวันนี้ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิต! แต่มีการผสมผสานระหว่างสองเรื่องเข้าด้วยกัน สร้าง Work-Life Blend รวมถึงเทรนด์ “สังคมไร้เงินสด” และการใช้ “สกุลเงินดิจิทัล”(คริปโตเคอร์เรนซี) ซึ่งบริษัทเตรียมวางระบบหลังบ้าน สร้างแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการใช้คริปโตฯทุกสกุลเงินในอนาคต  พร้อมสร้างนิยามใหม่สู่โอกาสทางธุรกิจที่ไม่สิ้นสุด

ก่อนหน้านี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จจากการพัฒนา “สามย่านมิตรทาวน์”  อีกหนึ่งโครงการมิกซ์ยูสสมบูรณ์แบบบนถนนพระราม 4