UBIS เพิ่มทุน-ออกวอร์แรนท์ กระทบราคาหุ้นผันผวน ร่วงหนัก 40%

UBIS เพิ่มทุน-ออกวอร์แรนท์ กระทบราคาหุ้นผันผวน ร่วงหนัก 40%

บอร์ด UBIS เตรียมเสนอผู้ถือหุ้น เพิ่มทุน 56.99 ล้านหุ้น อัตราส่วน 4:1 ในราคา 4 บาท พร้อมออกวอร์แรนท์ 113.99 ล้านหุ้น อัตราส่วน 2:1 ในราคา 7 บาท อายุใช้สิทธิ 2 ปี ด้านราคาหุ้นเคลื่อนไหวผันผวน สัปดาห์ที่ผ่านมาร่วงกว่า 40% หลังบวกกว่า 250% ชนจุดสูงสุดของปีที่ 19.30 บาท

นายพฤทธิพงษ์ ธาราพิมาณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ UBIS เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 11/2564 มีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 170,999,992 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 170,999,992 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 227,999,991 บาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 398,999,983 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้

1) เพิ่มทุนจำนวน 56,999,997 บาท โดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 56,999,997 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในอัตราส่วนการจัดสรรที่ 4 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยเศษของหุ้นให้ปัดทิ้ง ในราคาเสนอขายหุ้นละ 4 บาท

2) เพิ่มทุนจำนวน 113,999,995 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 113,999,995 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิฯ UBIS-W1 จำนวนไม่เกิน 113,999,995 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ โดยคิดมูลค่าหน่วยละ 1 บาท ในอัตราส่วนการจัดสรรที่ 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิฯ UBIS-W1 โดยจะมีราคาใช้สิทธิ 7 บาทต่อหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิฯ UBIS-W1 อายุใช้สิทธิ 2 ปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนและใบสำคัญแสดงสิทธิ UBIS-W1 (Record Date) ในวันที่ 3 พ.ย.2564

สำหรับความราคาหุ้น UBIS ในช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวผันผวน โดยในช่วง 5 วันทำการย้อนหลัง (12-19 ต.ค.) ราคาหุ้นร่วงหนักกว่า 43.75% จาก 9.55 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 7.65 บาทต่อหุ้น สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (20 ก.ย.-19 ต.ค.) ปรับลง 44.57% จาก 13.90 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 7.65 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 19 ต.ค.) ยังให้ผลตอบแทนเป็นบวก 41.67% จาก 5.55 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 7.65 บาทต่อหุ้น โดยในช่วงต้นเดือน ต.ค.ราคาหุ้นปรับขึ้นทำจุดสูงสุดของปีนี้ที่ 19.30 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 13.90 บาท หรือ 257.41%