MTC เล็งอัดโปรดบ.สู้ตลาดแข่งดุปี 65 ดันพอร์ตสินเชื่อโต

MTC เล็งอัดโปรดบ.สู้ตลาดแข่งดุปี 65 ดันพอร์ตสินเชื่อโต

“เมืองไทยแคปปิตอล” เผย ปีหน้าตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนแข่งดุ เหตุ มีผู้เล่นรายใหม่มากขึ้น เล็งจัดโปรโมชั่นดอกเบี้ย จูงใจ-เปิดสาขาใหม่600แห่ง เข้าถึงทุกตำบลทั่วไทย ดันพอร์ตสินเชื่อ โต30-35% แตะระดับ1 แสนล้าน ปีนี้ตามเป้า 9หมื่นล้าน

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)หรือ MTC  กล่าวว่า การแข่งขันในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในปี2565 ว่า แม้ในปีหน้าจะมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น อย่างเช่น เฮงลีสซิ่ง,เอสซีบีเอกซ์ ออโต้,เงินติดล้อ แต่เป็นการทำตลาดคนละกลุ่มเป้าหมายไม่ทับซ้อนกัน ซึ่งจะมีการทำแคมเปญโปรโมชั่นดอกเบี้ยจูงใจมาทำตลาด  หนุนพอร์ตสินเชื่อโต ซึ่งจะเป็นผลดีต่อลูกค้าและทำให้ตลาดกลับมาคึกคักมากขึ้น

ทั้งนี้ปี 2565 ตั้งเป้าหมายสินเชื่อคงค้างเติบโต 30-35% แตะ 1 แสนล้านบาท จากการขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดสาขาปีหน้าอย่างน้อย 600 สาขา ทำให้จะมีสาขารวมแตะระดับ 6,100 สาขา เข้าถึงพื้นที่ในระดับตำบลทั่วประเทศไทย  ซึ่งประเทศไทยปัจจุบันมีราว 8,500 ตำบล  ทั้งนี้ งบลงทุนสาขาขึ้นกับขนาด เฉลี่ยอยู่ที่ราว 2-5 แสนบาทต่อสาขา

ในส่วนภาพรวมธุรกิจสินเชื่อของบริษัทในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ประเมินว่า จะปรับตัวได้ดีขึ้น หลังจากภาพรวมการฉีดวัคซีนเริ่มกระจายตัว พนักงงานมีภูมิสามารถเข้าไปติดต่อลูกค้าได้มากขึ้น ประกอบกับมีปัจจัยเปิดประเทศช่วยสนับสนุนให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดินหน้า   

ดังนั้น สิ้นปีนี้บริษัทมั่นใจว่า สินเชื่อคงค้างเติบโต 30% ตามเป้าหมายหรืออยู่ที่ราว 90,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 5,500 สาขา

นายชูชาติ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ขยายสินเชื่อในปี 2565  บริษัทมุ่งเน้นการบริการที่สร้างความประทับใจ  โฟกัสลูกค้าเดิม คือ กลุ่มเกษตรกร  ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากนัก สะท้อนจากลูกค้าที่เข้ามาขอความช่วยเหลือพักหนี้ปัจจุบันมีจำนวนไม่มากโดยในปีหน้ายังจะสามารถคุมหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ( NPL) ไม่เกิน 2% จากปีนี้คุมไว้ไม่เกิน 1.1-1,2%  

 "หากสามารถเปิดประเทศได้ช่วงปลายปีนี้ได้ สนับสนุนให้การท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัว มีกำลังซื้อและการบริโภคมากขึ้น จะหนุนกระแสเงินในระบบเศรษฐกิจสะพัดมากขึ้น ทำให้กลุ่มเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นตามไปด้วยต่อเนื่องถึงปีหน้า"