Sideway Up เก็งกำไร BANPU LANNA HMPRO (14 ต.ค. 64)

Sideway Up เก็งกำไร BANPU LANNA HMPRO (14 ต.ค. 64)

คาดดัชนีฯ Sideway Up แนวต้าน 1650 / 1660 จุด แนวรับ 1640 / 1635 จุด แนะนำ เก็งกำไร BANPU LANNA HMPRO ทางเทคนิค ดัชนีฯ สามารถปิดเหนือ 1640 จุดได้

ทำให้มีเป้าหมายการขึ้นระยะสั้นที่ 1657 จุด ก่อนที่จะไปทดสอบแนวต้านถัดไปตามรูปแบบ Double Bottom ที่ 1680 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

1) กลุ่มถ่านหิน BANPU LANNA AGE หลังจากราคาถ่านปรับตัวสูงขึ้น จากเหตุการณ์
อุทกภัยในจีน ส่งผลให้มีการปิดเหมืองถ่านหินถึง 60 แห่ง
2) กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการคลายล็อกดาวน์ HMPRO CRC CPALL MAKRO BJC CPN
BEM BTS

ปัจจัยบวก 1) การประชุมศบค. ชุดใหญ่วันนี้ คาดว่าจะมีการลดเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00 -
03.00 น. ตั้งแต่วันที่ 16 - 31 ต.ค. รวมถึงลดจำนวนจังหวัดสีแดงเข้มเหลือ 24 จังหวัด
(+กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์) 2) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 5 พันล้าน
บาท ในขณะที่เงินบาทเริ่มแข็งค่าขึ้น สะท้อนเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นใน
ระยะนี้

ปัจจัยลบ  1) IMF ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกลงจาก 6% มาอยู่ที่ 5.9% ส่วน
ไทยลงเหลือเพียง 1% 2) เงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่คาด ทำให้เกิดความกังวลว่า
เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะ Stagflation 3) OPEC ปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันลง
จาก 5.96 เป็น 5.8 ล้านบาร์เรล/วัน เป็นปัจจัยลบระยะสั้นต่อกลุ่มพลังงาน

 

ประเด็นอื่นๆ ที่ต้องติดตาม

- เงินเฟ้อของจีนประจำเดือน ก.ย. Consensus คาดจะปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า
- ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. ของญี่ปุ่น Consensus คาดจะปรับตัวลดลง
- ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจากทางสหรัฐ ทั้งตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่ง Consensus คาดจะปรับตัวลดลง และตัวเลข PPI ประจำเดือน ก.ย. ซึ่ง Consensus คาดจะปรับตัวลดลง
- ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ Consensus คาดจะปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว

 

 

 

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวก: ดัชนีฯ สามารถยืนบวกได้ตลอดทั้งวัน หลังจากมีการแถลงการณ์
เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พ.ย. ปิดที่ 1643.64 จุด เพิ่มขึ้น +10.20 จุด วอลุ่มซื้อ
ขาย 9.3 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ +3.72% กลุ่มพาณิชย์ +0.72%
กลุ่มธนาคาร +0.66% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร +0.07% หุ้นบวก >4%
BIG PAF SVT BEAUTY CI FN JTS SCI GLAND FANCY SOLAR VNG AMATA AOT
หุ้นลบ >4% MONO SMPC SGP NMG KKC CPT AJA TYCN SITHAI PPP

+/- หุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ ส่วนยุโรปปิดบวก: DJIA -0.53 จุด S&P500 +0.30% NASDAQ
+0.73% ได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาดของแบล็คร็อค
เจพีมอร์แกน เชสและเดลตำ แอร์ไลน์ส ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก CAC40 +0.75%
DAX +0.68% FTSE +0.16% ได้รับแรงหนุนจากหุ้น SAP และ LVMH ซึ่งตลาดคาดว่า
จะรายงานกาไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย. ของจีน ที่ดีกว่า
คาด

+/- ราคาน้ำมันปิดลบ ส่วนทองคำพุ่งแรง: WIT ลดลง -20 เซนต์ ปิดที่ USD80.44/
บาร์เรล Brent ลดลง -24 เซนต์ ปิดที่ USD83.18/บาร์เรล ลดลงตามแรงขายทำกำไร
และ ความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันโลกชะลอตัว ส่วนราคาทองคำเพิ่มขึ้น USD35.40
ปิดที่ USD1,794.70/ออนซ์ จากดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าและผลตอบแทนพันธบัตร
รัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง
 

ประเด็นสำคัญ

- US: สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย. +0.4% MoM (Vs Consensus +0.3% MoM) และ +5.4% YoY (Vs Consensus +5.3% YoY) จากต้นทุนผลิตภัณฑ์พลังงานที่พุ่งสูงขึ้น นำโดยราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือน ก.ย. และพุ่งขึ้น 42.1% จากปีก่อนหน้า

- OPEC: โอเปคปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในปีนี้ โดยคาดจะเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมคาดจะเพิ่มขึ้น 5.96 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากข้อมูลที่แท้จริงในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ ออกมาต่ำกว่าคาด ถึงแม้ทางกลุ่มยังคงเชื่อว่าความต้องการน้ำมันในไตรมาสปัจจุบันจะแข็งแกร่งก็ตาม

- IMF: ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2021 ลงสู่ระดับ 6% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 7% พร้อมระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก เนื่องจากความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน

+ South Korea: รัฐบาลกำลังเตรียมความพร้อม เพื่อให้ประเทศค่อย ๆ กลับสู่ภาวะปกติ หลังจากที่อัตราการฉีดวัคซีนสูงครอบคลุม 78.1% ของประชากร โดยมีอัตราการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วอยู่ที่ 60.8%

 

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: WHA MINT BEM

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: BANPU LANNA HMPRO

Derivatives: แบ่งปิด Long S50Z21 ทำกำไรบริเวณใกล้เคียง 990 จุด (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)