หอการค้าไทยแนะเร่งฉีดวัคซีนเข็ม2-3 รับเปิดประเทศ

หอการค้าไทยแนะเร่งฉีดวัคซีนเข็ม2-3 รับเปิดประเทศ

หอการค้าไทย ชี้ นายกฯปักธงเปิดประเทศ สร้างความชัดเจนให้ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวเตรียมตัว คาด นักท่องเที่ยวเพิ่มเดือนละแสนคน แนะเร่งฉีดวัคซีนเข็ม2-3

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การประกาศเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.2564 เป็นการส่งสัญญาณที่ดี ซึ่งจะสร้างความชัดเจนในการเปิดประเทศ เพราะช่วยให้ผู้ประกอบการและนักเดินทางรู้ล่วงหน้าและได้เตรียมตัวดีขึ้น ภายใต้การควบคุมและมีลำดับขั้นตอนในการทยอยเปิดที่ชัดเจน ซึ่งรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อดดาวน์ตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งเดินหน้าโครงการ Phuket Sandbox ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ซึ่งเป็นจุดเริ่มให้ผู้ประกอบการได้เตรียมตัว เช่น มาตรการ SHA+ และ COVID FREE SETTING

“สิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อม คือ การกระจายฉีดวัคซีนเพิ่มเติมทั้งเข็ม 2 และเข็ม 3 โดยภาคเอกชนที่ร่วมเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลพร้อมสนับสนุนเพื่อร่วมเปิดประเทศไปด้วยกัน”นายสนั่น กล่าว

อ่านข่าว : ศบค. เตรียมเคาะมาตรการชุดใหญ่ รับเปิดประเทศ 14 ต.ค.นี้

นอกจากนี้รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่น โดยสื่อสารไปยังประเทศต่างๆ ถึงกระบวนการเดินทางเข้าไทยที่เป็นมาตรฐานสากล และมาตรการ COVID FREE SETTING ของภาครัฐ ได้ปรับให้เหมาะสมกับสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามได้ทั้งการรับวัคซีนครบ 2 เข็ม และต้องตรวจ ATK ตามกำหนดระยะ และที่สำคัญ คือ ผู้ประกอบการและประชาชนจะต้องมีวินัย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และจะทำให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้หอการค้าไทยเสนอแนวทาง Digital Health Pass เสริมการทำงานของภาครัฐ เพื่อให้ไทยรองรับปริมาณนักเดินทางที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้นักเดินทาง ยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวด้วยการระบบ Digital สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวและดึงดูดให้มาไทยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจประเทศฟื้นกลับมาไม่ใช่เฉพาะภาคท่องเที่ยว แต่จะกระจายไปยังหลายๆ ภาคส่วนต่อไป ทั้งนี้ ไทยต้องมีมาตรฐาน มีระบบ และควบคุมสถานการณ์ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่แยกคุมโซนตามสถานการณ์ความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ โดยให้คำนึงความปลอดภัยและเข้มงวดเพื่อให้ไม่เกิดการระบาดอีกรอบ

 

นายสนั่น กล่าวว่า หอการค้าไทยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มเติมเดือนละ 1 แสนราย ซึ่งจะส่งผลให้ GDP ปีนี้เติบโตขึ้น แต่ยังคงอยู่ในกรอบ 0-1% ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนอื่นที่หอการค้าเคยเสนอจะส่งผลกับการเพิ่มขึ้นของ GDP ได้มากกว่า ทั้งการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเติมเพิ่มเงินคนละครึ่งจาก 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท และมาตรการช้อปดีมีคืน