DNA ใหม่ ไทยวิวัฒน์’ ปฏิวัติวงการสู่โลกอนาคต

DNA ใหม่ ไทยวิวัฒน์’  ปฏิวัติวงการสู่โลกอนาคต

ใน“วิกฤติโควิด-19”ที่เปลี่ยนทุกสิ่งบนโลกยุคนี้ให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เป็นโจทย์ท้าทาย“ประเทศไทย”ที่ก้าวข้ามผ่านวิกฤติครั้งนี้ ซึ่งทุกคนต้องตรียมตัวให้พร้อม เพื่อไปสู่โลกใหม่ที่เติบโตกว่าเดิมให้ได้

เช่นเดียวกับหนึ่งใน“บริษัทประกันวินาศภัยคนไทย”ที่อยู่มายาวนานถึงกว่า 7 ทศวรษ อย่าง“บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVI  เกิดคลื่นลูกใหม่ "เทพพันธ์ อัศวะธนกุล” รองกรรมการผู้อำนวยการ ทายาทคนที่ 2 ของ“จีรพันธ์ อัศวะธนกุล”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ในปัจจุบัน ผู้ที่ส่งผ่านแนวคิดคนยุคเก่าสู่คนยุคใหม่ ด้วยสูตรลับทั้งหมดคือ "ไม่มีสูตรลับ”  ต้อง “เป็นคนดี คิดนอกกรอบได้ และตั้งใจทำงานให้ดี”  จึงนำไปสู่ความสำเร็จ     

 กลายเป็นแรงผลักดันตลอด 5 ปีที่ผ่านมาให้ “เทพพันธ์” ปัจจุบันด้วยวัย 33 ปี สามารถพิสูจน์ฝีมือ“สร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการประกันภัย” ไปสู่ยุคใหม่ 

หลังเข้ามาช่วยบริหารภายใต้โจทย์ “การพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย” ด้วยการปฏิวัติ “ประกันรถยนต์”และ“ประกันสุขภาพ”ในรูปแบบใหม่ ที่“เปิด-ปิด” ได้จ่ายเบี้ยตามการใช้งานจริง จนปัจจุบันกลายเป็นแบบประกันที่คนไทยเริ่มคุ้นชินและการันตีด้วยรางวัล “นวัตกรรมประกันภัยดีเด่น” จากทั้งกระทรวงไอซีที สถาบันนวัตกรรมแห่งชาติและสำนักงาน คปภ.

“DNA ไทยวิวัฒน์ ”ก้าวสู่โลกใหม่

ก้าวใหม่ในโลกสู่ยุคนิวนอมอล หรือ“ความปกติใหม่”หลังวิกฤติโควิด-19 “เทพพันธ์”  มองว่า มีความท้าทายใหม่ภาคธุรกิจ ต้องเตรียมพร้อมรับกับความเสี่ยงหลังเปิดประเทศและช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาแข็งแรงกว่าเดิมให้ได้

 แม้ในโลกตอนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แต่กลับมองเป็น "โอกาสก้าวไปข้างหน้า"  ด้วย “เตรียมตัวพร้อมเสมอ ปรับตัวให้เร็ว เปิดใจกว้างรับสิ่งใหม่” สิ่งเหล่าล้วนอยู่ใน DNA ของไทยวิวัฒน์ฯ  ภายใต้กลยุทธ์ 3 ด้าน คือ 1.มุ่งสานต่อความยั่งยืนธุรกิจ บนพื้นฐาน 2.การนำพัฒนานวัตกรรมที่ไม่จำกัดเฉพาะการประกัน เพื่อ 3.ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคคนไทยครอบคลุมมากที่สุด

ด้วย 3 อาวุธลับสำคัญที่เรามี คือ“มีเทคโนโลยีและฐานข้อมูล” สามารถนำมาประยุทธ์ใช้ขับเคลื่อนองค์กรได้รวดเร็วที่สุด ประหยัดที่สุด คล่องตัวมากที่สุด อีกทั้งทำให้กระบวนต่างๆไปถึงผู้บริโภคที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด สะดวกที่สุด ลดต้นทุนสูงสุด รวมถึง“มีความคิดสร้างสรรค์ คิดนอกรอบ” เพื่อพัฒนาคิดสิ่งใหม่ๆ ทำให้ประกันภัยที่เข้าไปอยู่ในทุกชีวิต

ปั้นวัตกรรมใหม่ โตด้วยตัวเอง

 “เทพพันธ์” กล่าวว่า ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าวตลอด 4 ปี เราเติบโตโดดเด่นมีเบี้ยประกันภัยรวมจาก 1พันล้านบาท เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6 พันล้านบาทในปัจจุบัน โตระดับ 25% ต่อปีหรือโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบอุตสาหกรรมโตเฉลี่ย 4-5% ต่อปีตามจีดีพี

และในวิกฤติโควิดรุนแรงและยืดเยื้อในปีนี้ นับว่า เป็นปีที่ดีของเรา ยังโตเป็นบวก ตั้งเป้าเบี้ยประกันรวม 6.5พันล้านบาท ที่สำคัญคาดกำไรโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกปีนี้สามารถรับรู้กำไรที่ดีมากขึ้น

เนื่องจากปีนี้ได้นำระบบแมชชีนเลิร์นนิ่งและเอไอ มาพัฒนานวัตกรรมประกันและบริการใหม่ มุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเดิม วางเป้าหมายในโลกอนาคตยุคนิวนอมอล เรามีโอกาสรับรู้รายได้และประเมินความเสี่ยงชัดเจนยิ่งขึ้น

 อีกทั้งยังหาโอกาสโตในต่างประเทศตลอดเวลา นอกจากมีบริษัทลูกที่ สปป.ลาว แล้ว  ขณะนี้เตรียมสร้างความร่วมมือทางธุรกิจแบบใหม่ มุ่งเป็นผู้ให้บริการนวัตกรรมใหม่ที่่พัฒนาขึ้นเองเพื่อใช้เป็นโมเดลต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ เช่น ประกัันภัยเปิด-ปิด เราพัฒนาเป็นคนของโลกและตลาดในไทยเติบโตจริง ทำให้ตอนนี้บริษัทประกันและสตาร์ทอัพในสิงคโปร์ เข้ามาเรียนรู้และสนใจที่จะนำไปใช้   

นอกจากนี้ มุ่งส่งต่อความสำเร็จสู่คนยุคใหม่ ทั้งสนับสนุนเงินทุนนักศึกษาและพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้วงการประกันภัยไทยอย่างไม่หยุดยั้ง​และนำรายได้คืนสู่สังคม  โดยต้นปีนี้ได้ตั้งบริษัทสตาร์อัพ มุ่งพัฒนาด้านแมชชีนเลิร์นนิ่งทำให้เกิดนวัตกรรมประกันภัยช่วยให้สะดวกมากขึ้น คาดจะเห็นในปีนี้ 1 โซลูชั่นและปีหน้าอีก 1 โซลูชั่น

ขณะที่ฐานะการเงินและเงินกองทุนบริษัทยังแข็งแกร่งสูงมากกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด พร้อมสนับสนุนการเติบโตในโลกอนาคตที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีกลับมาได้  

 “เทพพันธ์” กล่าวว่า งบลงทุนเฉลี่ยต่อปีวางไว้เป็นหลักหลายร้อยล้านบาท แม้เรามุ่งพัฒนาสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยมีในโลก แต่ยังคำนึงถึงความเป็นไปได้ในความเสี่ยงที่รับได้เท่านั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญช่วยผลักดันการเติบโตในโลกอนาคต

โดยเรายังโฟกัสตลาดในประเทศเป็นเป้าหมายหลัก แม้จะมีผู้เล่นในตลาดอยู่เป็นจำนวนมากและตลาดเติบโตตามจีดีพี แต่มองว่าตลาดยังโอกาสโตอีกมาก จากปัจจุบันเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งระบบต่อจีดีพีอยู่ที่1.4%เท่านั้น ยังไม่ถึง 2% เมื่อเทียบตลาดประเทศพัฒนาแล้วสูงระดับ 10-20% แล้ว  

       

ริเริ่มสิ่งใหม่ ฟื้นเศรษฐกิจไทย

สำหรับเศรษฐกิจไทยที่ยังกลับมาแข็งแรงกว่าเดิมในวิกฤติสุขภาพรอบนี้ “เทพพันธ์” มองว่า นอกจากความพร้อมเรื่อง วัคซีน  คุมการแพร่ระบา ภาครัฐอัดฉีดเงิน แล้ว  "ประกันวินาศภัย" ก็มีบทบาทอย่างมากในการเข้าไปช่วยบริหารความเสี่ยงภัยของประเทศและคนไทย       ที่สำคัญ “คนไทย” มีความสามารถไม่แพ้ชาติอื่น อุปสรรคของเรา แค่ต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น เพราะตอนนี้“จุดเด่น”ของประเทศที่เคยมีมา กลายเป็นสิ่ง“ล้าหลัง”ไปแล้ว ก็ต้องสร้างสิ่งใหม่ที่เพิ่มมูลค่า จะสร้างรายได้ให้ประเทศได้อีกมาก “ทุกภาคส่วนและคนไทยทุกคนต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น ร่วมมือสร้างสรรคค์สิ่งใหม่กันมากขึ้น”

"เราภูมิใจในความเป็นไทยวิวัฒน์ฯ ตลอด 70ปี ที่ปลูกฝังDNAของผู้นำในการริเริ่มสิ่งใหม่ สร้างสรรค์และพัฒนาได้เองจนทำให้ต่างชาติต้องมาเรียนรู้จากเรา"