SVI ซื้อหุ้น 100% ใน TPT รุกกลุ่มวงจรไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์

SVI ซื้อหุ้น 100% ใน TPT รุกกลุ่มวงจรไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์

SVI ซื้อหุ้น 100% ใน TPT ผู้ผลิตชิ้นส่วน-อุปกรณ์เครื่องกล ตามแผนควบรวมกิจการต้นน้ำการผลิต วงจรไฟฟ้า - ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ คาดธุรกรรมแล้วเสร็จ พ.ย.นี้ สร้างโอกาสขยายฐานลูกค้าประเทศญี่ปุ่น ดันความสามารถด้านอัตราการทำกำไรสุทธิ SVI เพิ่มขึ้น 2-3% ภายใน 3 ปีข้างหน้า

 บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า  บริษัทเข้าซื้อกิจการในอัตรา 100% ของ Tohoku Pioneer (Thailand) Company Limited (TPT) ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย

ทั้งนี้ TPT เป็นผู้นำในการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เครื่องกลโดยปัจจุบันมีพื้นที่การผลิตกว่า 15,000 ตารางเมตร การได้มาซึ่งกิจการในครั้งนี้มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินงานระยะยาวของบริษัท โดยเป็นการควบรวมกิจการต้นน้ำของการผลิตและให้บริการในการประกอบผลิตภัณฑ์ประเภทวงจรไฟฟ้าสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์ในจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั่วโลก อีกทั้งเป็นการขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดและอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยในปัจจุบันเอสวีไอเป็น 1 ใน 50 อันดับของผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ของโลก

 โดยธุรกรรมดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย. 64

นายสมชาย สิริปัญญานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการแบบครบวงจรในการประกอบผลิตภัณฑ์ประเภทวงจรไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จรูป ให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Original Equipment Manufacturer: OEM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติลงนามเข้าซื้อหุ้น 100% ของ บริษัท โทโฮกุ ไพโอเนียร์(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตอุปกรณ์สำหรับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ติดตั้งในรถยนต์แบบสันดาบและยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่ผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งสัญชาติญี่ปุ่นและยุโรป 

ทั้งนี้ บริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์ มีพื้นที่การผลิตกว่า 15,000 ตารางเมตร รวมถึงยังเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของลูกค้า(OEM) ให้แก่ผู้ผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในรถยนต์แบรนด์ชั้นนำระดับโลกอีกมากมาย 

​สำหรับ บริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์ เป็นผู้ผลิตที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 20 ปี ในการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อน ซึ่งต้องใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต โดยที่อุปกรณ์ดังกล่าวนั้น สามารถนำมาใช้เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่SVI ดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ทำให้ได้ประโยชน์จากการเข้าบริหารซัพพลายเชนต้นน้ำ เพื่อบริหารต้นทุนการผลิตโดยรวมลดลง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวของ SVI

​ทั้งนี้ ภายหลังเข้าซื้อกิจการจะก่อให้เกิดSynergy ร่วมเสริมสร้างความแข็งแกร่งระหว่างกัน ทำให้ SVI สามารถต่อยอดขยายตลาดใหม่จากฐานลูกค้าเดิมของบริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์ ที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีฐานผลิตในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นได้เพิ่มเติมนอกจากนี้ ยังสามารถนำเสนอทางเลือกให้แก่ฐานลูกค้าของ SVI มาใช้อุปกรณ์สำหรับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากโรงงานดังกล่าว ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรได้เต็มประสิทธิภาพ โดย SVI วางเป้าหมาย 3 ปี จะผลักดันยอดรายได้บริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์ จะเพิ่มขึ้นเป็น 4,500 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีรายได้เฉลี่ยต่อปีประมาณ 1,500 ล้านบาท 

“การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ จะทำให้เกิด Win-Win ทำให้ SVI ใช้ความสามารถด้านการผลิตของโรงงานแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่เพื่อบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้ดียิ่งขึ้นควบคู่กับการขยายลูกค้ารายใหม่ เพื่อผลักดันยอดขายของบริษัทโทโฮกุ ไพโอเนียร์ ให้สูงขึ้นและบันทึกกำไรจากการดำเนินงานที่มาจากดีลนี้ ทำให้อัตราการทำกำไรสุทธิของ SVI เพิ่มขึ้น 2-3% และกำไรต่อหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในอีก 3 ปีข้างหน้า” นายสมชาย กล่าว