โควิด19พลิกดีมานด์สำนักงาน!ปรับคอนเซปต์ยืดหยุ่นเจาะเฉพาะกลุ่ม

โควิด19พลิกดีมานด์สำนักงาน!ปรับคอนเซปต์ยืดหยุ่นเจาะเฉพาะกลุ่ม

ผลกระทบจากวิกฤติโควิด19 ทำให้ผู้คนต้องปรับเปลี่ยนการทำงานจากต้องเข้าออฟฟิศกลับมาทำงานที่บ้านมากขึ้น ส่งผลต่อสำนักงานให้เช่าปรับตัวอย่างหนัก! “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล”เร่งเสริมจุดแข็งสร้าง “จุดขาย” ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป

“วิทวัส คุตตะเทพ” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายโครงการเชิงพาณิชยกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย)  กล่าวว่า  ภาพรวมของตลาดสำนักงานได้ผลกระทบจากนโยบาย “เวิร์กฟรอมโฮม” เพื่อลดความเสี่ยงของพนักงานจากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น ทำให้แต่ละบริษัทชะลอการตัดสินใจย้ายหรือขยายพื้นที่สำนักงาน  เป็นการบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านการเงิน ส่งผลให้ดีมานด์การเช่ายังทรงตัว แต่เชื่อว่าจะเป็นเพียงระยะสั้น 1-2  ปีนี้  เมื่อปัญหาโรคระบาดคลี่คลาย สถานการณ์จะกลับมาเหมือนเดิม

โดยย่านศูนย์กลางธุรกิจ อย่าง “เพลินจิต-สาทร-สามย่าน” ที่เป็นไพร์มแอเรียนั้น  อาคารสำนักงานของ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล จึงยังคงมีอัตราการเช่าเกิน 90% เรียกได้ว่าไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด!

โควิด19พลิกดีมานด์สำนักงาน!ปรับคอนเซปต์ยืดหยุ่นเจาะเฉพาะกลุ่ม

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล มีการปรับรูปแบบพื้นที่ออฟฟิศในอนาคต รองรับความต้องการที่เปลี่ยนไป ในคอนเซปต์ “Core & Flex” ให้กับ 5 โครงการใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีพื้นที่รวมกว่า 209,000 ตร.ม. ได้แก่ มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์, เอฟวายไอ เซ็นเตอร์, สาทรสแควร์, ปาร์คเวนเชอร์ และ อาคารโกลเด้นแลนด์ ซึ่งเป็นแนวคิดการใช้พื้นที่สำนักงานที่ผสานรูปแบบพื้นที่สำนักงานแบบมาตรฐาน (core)และแบบยืดหยุ่น (flex) เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้มีพื้นที่หลากหลายให้เลือกใช้งานตามความต้องการของแต่ละองค์กร

“เรายังเชื่อว่าการทำธุรกิจจำเป็นต้องมีอาคารสำนักงานมารองรับดีมานด์ยังคงมีอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ อย่างในช่วงที่เกิดโควิดยังมีธุรกิจที่เติบโตได้ดี อาทิ ธุรกิจสตาร์ทอัพ อีคอมเมิร์ซ ไอที นำเข้าส่งออก ซึ่งยังคงมีความต้องการใช้พื้นที่และขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรอบการขยายตัวของธุรกิจ”

“วิทวัส” ระบุว่า จุดแข็งของโครงการเชิงพาณิชยกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล  ประกอบไปด้วย 1.เป็นอาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวกเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ 2.มีความครบครันและแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร 3.ตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัย อาทิ การติดตั้งระบบจดจำใบหน้า ระบบลิฟต์ที่ตอบสนองการใช้งานผู้ใช้ โดยเน้นให้ผู้ใช้ลิฟต์กดปุ่มหมายเลขปลายทางที่ต้องการ เป็นต้น

“แนวโน้มการใช้พื้นที่เปลี่ยนไปหลังจากโควิด คือ ลูกค้าในปัจจุบันต้องการทั้งความมีมาตรฐานและความยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในทุกการเปลี่ยนแปลง เช่น การเช่าพื้นที่ส่วนหลักแบบมาตรฐาน และการเช่าส่วนที่ขยายใน โคเวิร์กกิ้ง สเปซ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในต่างประเทศ ทำให้เราต้องปรับวิธีการทำงานที่ที่มีความยืดหยุ่นสูงตามพฤติกรรมการเช่าธุรกิจยุคใหม่ จากปกติทำสัญญาเช่ายาวทุก 3 ปี อาจปรับให้สั้นลงเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น”

บริการดังกล่าว เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ฟรีแลนซ์ หรือแม้กระทั่งการทำโปรเจกสั้นๆ ขององค์กรขนาดใหญ่ เพราะจะช่วยลดต้นทุนด้านการตกแต่งออฟฟิศและการเช่าพื้นที่ใหม่ ถือว่าคุ้มค่ามาก! ที่สำคัญพื้นที่แบบยืดหยุ่น (flex) จะคิดค่าเช่าต่อผู้ใช้บริการ และสัญญาเช่าระยะสั้นเริ่มต้นที่ 1 เดือนเท่านั้น

“จากประสบการณ์เวิร์กฟรอมโฮมที่ผ่านมา องค์กรใหญ่กำลังกังวลเรื่องวัฒนธรรมองค์กร ที่ต้องใช้เวลาในการทำงานอยู่ร่วมกันจึงต้องมีพื้นที่ให้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แบ่งปันประสบการณ์ซึ่งกันและกันมากกว่า ขณะเดียวพนักงานส่วนหนึ่งอยากกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศมนุษย์เป็นสัตว์สังคมจึงต้องการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม จึงเป็นเหตุผลให้ธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงไปต่อได้”

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดโครงการเชิงพาณิชยกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล เตรียมเปิดตัวโปรเจคสีลม มูลค่า 1,800 ล้านบาท ซึ่งอาคารมิกซ์ยูสสำนักงาน-รีเทล สูง 22 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น หัวมุมถนนสีลมตัดถนนพระราม 4 คาดว่าน่าจะเปิดเผยชื่อและหน้าตาโครงการได้ภายในเดือน ต.ค. นี้!