PTTEP ประมาณการ 3Q64F: ราคานํ้ามันดิบยังขยับขึ้นต่อ

PTTEP ประมาณการ 3Q64F: ราคานํ้ามันดิบยังขยับขึ้นต่อ

คาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q64F จะเพิ่มขึ้น 33% YoY และ 34% QoQ - เราคาดว่ากำไรสุทธิของ PTTEP ใน 3Q64 จะอยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท (+33% YoY, +34% QoQ)

โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จะเป็นเพราะราคาน้ำมันดิบดูไบใน 3Q64 เพิ่มขึ้นเป็น US$72/bbl จาก US$43/bbl ใน 3Q63 และ US$67/bbl ใน 2Q64 นอกจากนี้ เรายังคาดว่าราคาขายก๊าซจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ จาก US$5.6/mmbtu เป็น US$5.7/mmbtu ใน 3Q64 ตามราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในขาขึ้นในช่วง 6-12เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ราคาขายที่เพิ่มขึ้นทั้งผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวและก๊าซทำให้ราคาขายเฉลี่ยของ PTTEP เพิ่มขึ้น 4% QoQ เป็น US$43.8/BOE ใน 3Q64 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าปริมาณยอดขายรวมของ PTTEP จะลดลง 6% QoQ เหลือ 415KBOED เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโครงการบงกชและอาทิตย์ ซึ่งเป็นไปตามแผนซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซ (GSP) #6 ของ PTT Pcl. (PTT.BK/PTTTB)* นาน 26 วันในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ เรายังคาดว่าต้นทุนต่อหน่วยของ PTTEP จะเพิ่มขึ้น 8%
QoQ เป็น US$29.4/BOE เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการสำรวจปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการ write-off สำหรับรายการประเภท non-recurring เราคาดว่าบริษัทจะบันทึกผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 1.2 พันล้านบาทใน 3Q64 ลดลง 70% QoQ

 

 

 

ความคืบหน้าในการถ่ายโอนโครงการเอราวัณ

ผู้บริหารคาดว่าโครงการเอราวัณจะผลิตปิโตรเลียมได้ประมาณ 560mmscfd (ต่ำกว่าระดับที่ตกลงไว้ตาม PSC ที่ 800mmscfd) เมื่อ Chevron ถ่ายโอนการดำเนินงานมาให้ PTTEP เสร็จเรียบร้อยในเดือนเมษายน 2565 เนื่องจากบริษัทยังไม่สามารถเข้าพื้นที่โครงการเพื่อติดตั้งอุปกรณ์แท่นขุดเจาะใหม่ได้ ทั้งนี้ PTTEP จะชดเชยปริมาณที่ขาดไปประมาณ 200mmscfd ด้วยการเพิ่มผลผลิตจากโครงการบงกชและอาทิตย์แทน ในขณะที่จะชดเชยส่วนที่ยังขาดอยู่อีกโดยใช้ LNG ที่นำเข้ามาโดย PTT ทั้งนี้เราคาดว่าผลผลิตที่ลดลงของโครงการเอราวัณไม่น่าจะส่งผลกระทบกับเป้าปริมาณยอดขายปี 2565 ของ PTTEP เพราะบริษัทได้รวมประเด็นนี้ไว้ในประมาณการแล้ว โดยใช้สมมติฐานผลผลิตจากโครงการนี้ในปีหน้าเพียง 500mmfscd แต่อย่างไรก็ตาม หลังเดือนเมษายน 2565 PTTEP มีแผนจะเร่งการผลิตจากโครงการเอราวัณเป็น 800mmscfd ภายในระยะเวลาหนึ่งปีครึ่ง

 

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำซื้อ และคงราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 บาท เอาไว้ที่ 145.00 บาท โดยใช้ WACC ที่ 9.1% และ terminal growth ที่ 1.0% เราเชื่อว่ากำไรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น QoQ ใน 3Q64 และราคาน้ำมันดิบดูไบที่เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ US$75/bbl ในขณะนี้จะช่วยหนุนราคาหุ้น

 

Risks
ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและราคาก๊าซ