ททท.ชูอันล็อกไทยแลนด์ ดึงนักท่องเที่ยวเอเชีย

ททท.ชูอันล็อกไทยแลนด์ ดึงนักท่องเที่ยวเอเชีย

“ททท.” รุกภารกิจ “อันล็อก ไทยแลนด์” เจาะนักท่องเที่ยวตลาดเอเชียรับแผนรัฐใส่เกียร์เปิดเมืองเพิ่มช่วงโค้งท้ายปีนี้ เล็งเป้าดึง “อินเดีย-เกาหลีใต้” เที่ยวไทย

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เตรียมรุกทำภารกิจ “อันล็อก ไทยแลนด์” (Unlock Thailand) โดยในวันนี้ (4 ต.ค.) จะประชุมร่วมกับสำนักงาน ททท.ในพื้นที่ใต้ความรับผิดชอบเพื่อหาวิธีเร่งด่วนในการดึงนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้จากเอเชียมาเที่ยวประเทศไทยให้มากขึ้น

สอดรับกับประกาศล่าสุดของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เรื่องลดจำนวนวันกักตัวชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว จากเดิม 14 วัน เหลือ 7 วัน ซึ่งมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา คาดช่วยสร้างดีมานด์การเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยได้มากขึ้น

หลังจากประเทศไทยได้เปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือ แซนด์บ็อกซ์ ประเดิมด้วยโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เริ่มเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามด้วยโครงการสมุย พลัส โมเดล เริ่ม 15 ก.ค.ที่ผ่านมา และโครงการ 7+7 ภูเก็ต เอ็กซ์เทนชั่น เริ่ม 16 ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาส่วนใหญ่เป็นตลาดระยะไกลกว่า 90% มีนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้จำนวนน้อย เนื่องจากรัฐบาลประเทศต้นทางหลายประเทศยังมีคำสั่งกักตัวขากลับ 14 วันเมื่อเดินทางกลับจากไทย เช่น สิงค์โปร์ และญี่ปุ่น

ขณะที่ตลาดใหญ่อย่างนักท่องเที่ยวจีน แม้ปัจจุบันทางการจีนจะยังสั่งห้ามไม่ให้ชาวจีนออกเดินทางนอกประเทศ แต่เบื้องต้น ททท.มองว่าในช่วงต้นปี 2565 น่าจะเป็นโอกาสดีที่สุดในการผ่อนผันให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้าร่วมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง

สำหรับตลาดเป้าหมายระยะแรกของภูมิภาคเอเชียคือนักท่องเที่ยวอินเดียและเกาหลีใต้ โดยล่าสุดรัฐบาลไทยได้ปรับสถานะของอินเดียจากการเป็นประเทศความเสี่ยงสูงเป็นประเทศความเสี่ยงปานกลาง และผ่อนปรนให้อินเดียเป็นหนึ่งใน 78 ประเทศที่สามารถเดินทางเข้าพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ได้ จะหารือกับสำนักงานนิวเดลีและมุมไบเกี่ยวกับการผลักดันเรื่องทำข้อตกลงแอร์บับเบิล (Air Bubble Agreement) ระหว่างอินเดียกับไทย เพื่อเริ่มทำการตลาดดึงเที่ยวบินพาณิชย์จากอินเดียตรงเข้าไทยได้เลย ในช่วงแรกอาจจะนำร่องด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์)

“ตอนนี้นักท่องเที่ยวอินเดียที่ต้องการบินมาไทย ต้องบินย้อนไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮับบินตะวันออกกลาง เช่น นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยจะมุ่งเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มจัดงานแต่งงาน และกลุ่มผู้หญิงอินเดียรุ่นใหม่ที่ไม่มีลูก”

ด้านนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้เป็นอีกตลาดที่ไม่ต้องกักตัวเมื่อกลับจากไทยเช่นเดียวกับตลาดอินเดีย ททท.เตรียมหยิบประเด็นการเจรจาข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวหรือ ทราเวล บับเบิล (Travel Bubble) ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้อีกครั้ง หลังประเทศไทยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ โดยในช่วงแรกของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว จะชูแพ็คเกจตีกอล์ฟเป็นสินค้าระดับไฮไลต์ดึงนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้เข้าพื้นที่นำร่องเป้าหมายอย่าง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีสนามกอล์ฟ 10 แห่ง

สำหรับไทม์ไลน์การเปิดเมือง จ.เชียงใหม่ (อ.เมืองฯ อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) เริ่มวันที่ 1 พ.ย.2564 รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ภายใต้โครงการ “ชาร์มมิ่ง เชียงใหม่” มีคู่มือมาตรฐานแนวทางปฏิบัติ (SOP) ที่แตกต่างจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ กล่าวคือในช่วง 7 วันแรก นักท่องเที่ยวที่มา จ.เชียงใหม่ จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันแรกที่เดินทางมาถึง และรอผลตรวจที่ห้องพักในโรงแรม เมื่อผลตรวจเป็นลบ สามารถออกนอกโรงแรมเพื่อไปท่องเที่ยวได้ แต่ต้องไปกับบริษัทนำเที่ยวเท่านั้น เมื่อครบ 7 วันจึงจะออกไปท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นๆ ของไทยได้

“ภาคเอกชนท่องเที่ยวและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะประชุมเกี่ยวกับโมเดล SOP ของ จ.เชียงใหม่ เพิ่มเติมในวันที่ 4 ต.ค.นี้ รวมถึงเรื่องข้อเสนอให้มีการปรับรูปแบบตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยยังคงวิธี RT-PCR ในการตรวจครั้งแรก แต่ปรับให้ใช้ชุดตรวจ ATK ในครั้งที่เหลือแทน” นายธเนศวร์กล่าว