หุ้นไฟแนนซ์ฟิตสู้ทุนใหญ่ ดันทุนเพิ่มเสริมพันธมิตรพร้อมแข่ง

หุ้นไฟแนนซ์ฟิตสู้ทุนใหญ่  ดันทุนเพิ่มเสริมพันธมิตรพร้อมแข่ง

เปิดตัวSCBX คือการส่งสารว่าทุนใหญ่จะลงมากินรวบในทุกตลาดที่มีโอกาสแม้จะมีการแข่งขันสูงก็ตาม ยูนิตแรกเข้ามาชิงตลาด"สินเชื่อรถยนต์-สินเชื่อเงินสด" ถือว่าเป็นตลาดใหญ่มีกลุ่มลูกค้ารายย่อยจำนวนมากแต่ก็มีเสือสนามที่ใหญ่แต่ละเซกเมนต์ยึดหัวหาดไว้อย่างแข็งแกร่ง

3 รายใหญ่ที่กินส่วนแบ่งตลาดไปมากที่สุด ประกอบไปด้วย บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ดำเนินธุรกิจมากกว่า 20 ปี ซึ่งเน้นสินเชื่อรายย่อยไปที่พอร์ตรถจักรยานยนต์มากที่สุด มีสาขาที่ให้บริการ มีสาขามากถึงเป็น 4,884 แห่ง

ที่ผ่านมา MTC มีการเพิ่มทุนบริษัทย่อย “เมืองไทย ลิสซิ่ง” จาก 500 ล้านบาทเป็น 1,000 ล้านบาท มาพร้อมกับการรุกธุรกิจปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ที่บริษัทพร้อมจะรุกตลาดจะเป็นตัวเร่งพอร์ตสินเชื่อให้กับ MTC ในปี 2564 สามารถใช้ฐานลูกค้าเก่าที่มีอยู่แล้วและเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามา

เบื้องต้นมีการตั้งเป้าตัวเลขสินเชื่อในธุรกิจนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อจะเพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท จะไปพร้อมกับการขยายสาขา 600 แห่ง เพื่อให้ตัวเลขสาขาอยู่ที่ 6,700 แห่งในปี 2567 ท่ามกลางพันธมิตรผ่านทางผู้ถือหุ้นใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในบริษัท เอ็กซ์ สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG

 

บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เป็นรายใหญ่จากจังหวัดเพรชบุรี  เปลี่ยนแปลงธุรกิจตั้งแต่ซื้อกิจการ บริษัท เงินทุน กรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนมาเป็น บริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT ปี 2560 สามารถดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อรายย่อยไม่เกิน 10 ล้านบาท พร้อมกับรับฝากเงินจากประชาชนผ่าน BFIT ส่วนศรีสวัสดิ์ กลายเป็นบริษัทโฮลดิ้ง เพื่อดำเนินธุรกิจเช่าซื้อ บริการติดตามทวงหนี้ และปล่อยสินเชื่อเงินกู้มูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป

 

ล่าสุดการมีพันธมิตรใหญ่อย่างธนาคารออมสินเข้ามาหนุนการปล่อยสินเชื่อ การประกาศร่วมลงทุนกับบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ในบริษัท บริหารสินทรัพย์ เอส ดับบลิว พี จำกัด (SWP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SAWADถือหุ้น 85 % เพื่อบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA)

และ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด มหาชน หรือ TIDLOR อยู่ในกลุ่มธนาคารกรุงศรี พึ่งเข้าตลาดหุ้นมาได้ไม่นานพร้อมเม็ดเงินที่ระดมทุนไป 33,105 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถประมาณ 75-76% ของสินเชื่อทั้งหมด 50,000 กว่าล้านบาท  โดยมีเป้าหมายในการระดมทุนครั้งนี้คือการขยายแพลตฟอร์มดิจิทัล และการรุกตลาดใหญ่อินโดนีเซีย และ เวียดนาม ที่มีทั้งจำนวนคนมหาศาลและโอกาสในการใช้จ่าย

หรือแม้แต่รายเล็กในตลาดบริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ NCAP ที่มีธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนนต์เป็นพอร์ตหลัก  ประกาศตัวแล้วว่ายังมุ่งเน้นนำ AI มาช่วยสนับสนุนการอนุมัติการปล่อยสินเชื่อได้รวดเร็วกว่าปกติ และการเข้าสู่ธุรกิจ ฟินเทคอย่างเต็มตัว นอกเหนือจากพอร์ตสินเชื่อรถจักรยานยนต์

บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ที่แข็งแกร่งด้านฐานทุนมากขึ้นเมื่อมีกลุ่ม บีทีเอส เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใส่เม็ดเงินเข้ามาหมื่นล้านบาทเพื่อพลิกไปสู่ไฟแนนซ์ ดิจิทัล อีกราย

ขณะที่กลุ่มสินเชื่อเงินสด บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ประกาศตัวเข้าสู่ตลาดสินเชื่อรถยนต์ด้วย “สินเชื่อพี่เบิ้ม” ซึ่งถือว่าเป็นการประกาศรุกครั้งใหญ่ของ KTC ยังไม่นับรวมกับคีย์แมนสำคัญ “ระเฑียร ศรีมงคล” ที่กระโดดไปนั่งบริหารธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ XPG น่าจะมีทีเด็ดออกมาให้ได้เห็นกัน

นอกจากการปรับตัวดังกล่าวในกลุ่มไฟแนนซ์แล้ว ด้านสมรภูมิการแข่งขันไม่ได้แผ่วลงเลยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากการตัดราคาแข่งขันกันเมื่อแบงก์ชาติเข้ามาควบคุมเพดานดอกเบี้ย  กฎหมายตามทวงหนี้เข้มงวดมากขึ้น รวมไปถึงความสามารถในการบริหารหนี้เสียเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วช่วงโควิด

ดังนั้นหากจะเพิ่มผู้เล่นในตลาดลงมาอยู่ในสนามเดียวกัน ความได้เปรียบรายใหม่คืออยู่ที่ฐานทุนที่ใหญ่และเทคโนโลยีทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าผลกระทบจะเกิดการแข่งขันที่รุนแรง   แต่ทางธุรกิจไฟแนนซ์แม้จะรายเล็กกว่าก็ไม่น้อยหน้าเพราะพร้อมตั้งการ์ดสู้ในเซกเมนต์ตัวเองเช่นกัน