ไทยพร้อม"ผู้นำอาหารโลกที่ยั่งยืน"ดันทุกคนเข้าถึงอาหารปลอดภัย

ไทยพร้อม"ผู้นำอาหารโลกที่ยั่งยืน"ดันทุกคนเข้าถึงอาหารปลอดภัย

นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ เวที สุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก “มุ่งมั่นผลักดันให้เกิดการพลิกโฉมระบบอาหารให้มีความยั่งยืนและสมดุลมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ” สร้างความมั่นคงให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย

        

วันที่ 24 กันยายน 2564 เวลา 03.30 น. ตามเวลาประเทศไทย (ซึ่งตรงกับเวลา 16.30 น. ของวันที่ 23 กันยายน 2564 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก (UN Food Systems Summits: UNFSS) ร่วมกับผู้นำกว่าอีก 155 จากทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 76 (76th Session of the United Nations General Assembly : UNGA76) ผ่านระบบประชุมทางไกล

ไทยพร้อม\"ผู้นำอาหารโลกที่ยั่งยืน\"ดันทุกคนเข้าถึงอาหารปลอดภัย

 

โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวในฐานะที่ประเทศไทยมีภาคเกษตรกรรมขนาดใหญ่ จึงตระหนักดีถึงความสำคัญของระบบอาหารที่มีต่อความอยู่รอดของทุกชีวิต สถานการณ์โควิด-19 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมและความเปราะบางของระบบอาหารที่เกิดขึ้นในทุกประเทศอย่างชัดเจน จึงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ร่วมมือกันพลิกโฉมระบบอาหารให้มีความยั่งยืนและสมดุลมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ ประการสำคัญ คือต้องสร้างความมั่นคงทางอาหารและทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย SDGs

สำหรับประเทศไทย มีโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นหนึ่งในตัวอย่างของความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารและภาวะทุพโภชนาการของเยาวชนในพื้นที่ทุรกันดาร

อีกทั้งกรอบข้อเสนอในการพลิกโฉมระบบอาหารทั้ง 5 ด้าน ของสหประชาชาติมีความสอดคล้องกับแนวทางของไทย ซึ่งเราได้นำวิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” มากำหนดนโยบายเกษตรและอาหาร “3S” ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางอาหาร หรือ Safety ความมั่นคง หรือ Security และความยั่งยืนของทรัพยากรและนิเวศการเกษตร หรือ Sustainability อีกทั้งประเทศไทยอยู่ระหว่างขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้มีความยั่งยืน สมดุล และครอบคลุม ซึ่งทั้งหมดนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ SDGs มาเป็นเข็มทิศนำทาง

 

ไทยพร้อม\"ผู้นำอาหารโลกที่ยั่งยืน\"ดันทุกคนเข้าถึงอาหารปลอดภัย

        นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากรดินและน้ำ และได้ร่วมกับสหประชาชาติจัดตั้ง “วันดินโลก” ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ขณะเดียวกัน ก็ได้ร่วมกับ FAO มอบรางวัล King Bhumibol World Soil Day Award ให้แก่ประเทศ องค์กร หรือบุคคลที่มีผลงาน โดดเด่นในด้านดังกล่าวด้วย และในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งภายในและระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด นำไปสู่การพลิกโฉมระบบอาหาร เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ FoodSystems4SDGs โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

 

        ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานประสานงานหลักของการประชุม UNFSS ได้เตรียมการและเข้าร่วมกิจกรรมของการประชุม UNFSS ตั้งแต่เดือนมกราคม ที่ผ่านมา โดยได้แต่งตั้งให้ นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่ผู้ประสานงานหลัก (National Dialogues Convenor) ซึ่งได้เชื่อมโยงเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการสนับสนุนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก (UN Food Systems Summit 2021: UNFSS 2021)

ไทยพร้อม\"ผู้นำอาหารโลกที่ยั่งยืน\"ดันทุกคนเข้าถึงอาหารปลอดภัย

 

ได้วางแนวทางในการปรับเปลี่ยนการจัดการระบบอาหารและเกษตรไปสู่ความยั่งยืน โดยจัดเวที ชวนคิด..ชวนคุย ระดับชาติ (National Dialogues) มากกว่า 10 ครั้ง ร่วมกับทุกภาคส่วน รวมทั้งมีการประชุมหารือกับหน่วยงานสหประชาชาติ และ FAO ในประเทศไทย เพื่อระดมความคิดเห็นของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบอาหารประเทศไทย และนำมาจัดทำเป็นท่าทีประเทศไทยในการประชุม UNFSS ในครั้งนี้

        ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 ในการประชุมเตรียมการระดับรัฐมนตรี ได้ร่วมนำเสนอผลจากเวที ชวนคิด..ชวนคุย ที่จะพลิกโฉมระบบอาหารให้มีความยั่งยืน ใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1. ประชาชนต้องมีความสามารถในพึ่งพาตนเองด้านอาหาร ตั้งแต่ระดับครัวเรือน โดยประเทศไทยโชคดีที่ได้น้อมนำ “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และดำเนินโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ในทุกตำบลทั่วประเทศ เป็นหลักในการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบอาหารและการเกษตร

 

2.  จะต้องบูรณาการความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อหาจุดสมดุลในทุกมิติ โดยกำหนดเป้าหมาย คำกัดความของความยั่งยืนที่เข้าใจตรงกัน สามารถยอมรับและทำงานร่วมกัน โดยที่เศรษฐกิจก็สามารถอยู่รอดได้ เพื่อให้ประชาชนทุกคน “อิ่ม” และ “สุขภาพดี” และมีระบบการผลิตอาหารและการเกษตรส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศให้น้อยที่สุด

3. การสานพลังของทุกภาคส่วน เกษตรกร ชุมชน เครือข่ายภาคประชาชน และภาคธุรกิจ ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคที่จะอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่าไม้ และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน และ 4. การมีธรรมาภิบาล (Governance) เป็นกุญแจสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติจริงในระดับพื้นที่

        นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2564 ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมแถลงข่าวประกาศความร่วมมือขับเคลื่อนระบบอาหารที่ยั่งยืน “อิ่มและดี 2030” “Healthy Diets for All” เพื่อต่อยอดพันธกิจและผลการดำเนินงานร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพและสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ โดยมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการพลิกโฉมระบบอาหารที่ยั่งยืน จึงได้ร่วมกันดำเนินการในส่วนต่าง ๆ ได้แก่

 

1. จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ “Healthy Diets for All” เพื่อต่อยอดความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 2. สร้างองค์ความรู้และระบบรองรับการดำเนินงาน 3. พัฒนาระบบการจัดการร่วมกันเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติ และ 4. สื่อสารสังคม เพื่อเสนอประเด็นสำคัญต่อสาธารณะ จนเกิดการรับรู้ ตระหนัก และสานเสริมพลังขับเคลื่อนระบบอาหารที่ยั่งยืน