เกษตรปลดล็อคขนส่ง เพิ่มด่านการค้ารับไฮสปีดจีน-ลาว

เกษตรปลดล็อคขนส่ง  เพิ่มด่านการค้ารับไฮสปีดจีน-ลาว

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงนามพิธีสารจีน เปิด16 ด่าน การค้า เส้นทาง R9 และ R3A รับไฮสปีดจีน-ลาว สิ้นปีนี้ ดันส่งออกสินค้าเกษตรทะลุปีละ 1 แสนล้านบาท

จีน เป็นตลาดสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย ส่งออกมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี มีเส้นทางการขนส่งทางบกที่สำคัญคือ R9 และเส้นทาง R3A แต่ที่ผ่านมาจีนเปิดด่านให้ผ่านได้ 2 ด่านเท่านั้น ทำให้การจราจรแออัดและสินค้าเน่าเสีย กระทรวงเกษตรฯจึงเจรจาและขอเปิดด่านเพิ่ม เป็น 16 ด่าน ในจำนวนนี้ มี 3 ด่านรองรับการขนส่งระบบรางรถไฟจีน-สปป.ลาว ที่จะเปิดให้บริการในสิ้นปีนี้ด้วย 

เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการลงนามพิธีสาร กับ หวัง หลิงจุน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งที่ผ่านมา ไทยและจีนได้มีการลงนามพิธีสารเกี่ยวการส่งออกและนำเข้าผลไม้ทางบก ผ่านประเทศที่สาม ทั้งหมด 2 ฉบับ ได้แก่ เส้นทาง R9 ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2552 และเส้นทาง R3A ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2554 ทั้งนี้ พิธีสารทั้ง 2 ฉบับ ครอบคลุม ผลไม้จากไทย 22 ชนิด

 

เกษตรปลดล็อคขนส่ง  เพิ่มด่านการค้ารับไฮสปีดจีน-ลาว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเส้นทาง R9 และ R3A ได้ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเกิดปัญหาการจราจรติดขัด บริเวณหน้าด่านนำเข้าของจีน โดยเฉพาะด่านโหย่วอี้กว่าน ซึ่งส่งผลให้รถขนส่งสินค้าติดอยู่ที่ชายแดนจีนเป็นเวลานาน ทำให้สินค้าผลไม้สด โดยเฉพาะทุเรียนไทยที่ส่งไปจีนนั้นเสียหาย กระทรวงเกษตรฯหารือแนวทางการแก้ไขปัญหากับจีน เมื่อเดือนพ.ย. 2562 และได้เห็นชอบร่วมกัน ในหลักการจัดทำพิธีสารฉบับใหม่ เพื่อเปิดด่านนำเข้าผลไม้จากไทยไปจีนเพิ่มเติม และต่อมาต้นปี 2563 ได้มอบหมายสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และกรมวิชาการเกษตร หารือกับฝ่ายจีน

เพื่อจัดทำร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามจนสำเร็จลุล่วง จึงได้มีการลงนามร่วมกันในวันนี้(13 ก.ย.2564 ) ส่งผลให้มีด่านนำเข้า - ส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 16 ด่าน

ทั้งนี้ ด้านด่านรถไฟโม่ฮาน ด่านรถไฟเหอโข่ว และ รถไฟผิงเสียง นั้นจะอยู่ในเส้นทางที่เชื่อมระหว่างจีนและสปป.ลาว โดยมีกำหนดจะเปิดใช้บริการในสิ้นปีนี้ ดังนั้นการลงนามพิธีสารดังกล่าว จึงเป็นการเตรียมความพร้อมเบื้องต้นเพื่อรองรับการขนส่งระบบรางเชื่อม 4 ประเทศในอนาคต โดยหลังจากนี้ ไทยต้องเดินหน้าเจรจาเพื่อทำพิธีสารกับสปป.ลาว และ เวียดนามต่อไป

ปัจจุบันการขนส่งทางรางจากหนองคาย ผู้ประกอบการจำเป็นต้องขนส่งผลไม้ทางถนนมายังด่านหนองคาย เพื่อเปลี่ยนถ่ายสินค้าสำหรับขนส่งทางรางไปยังจีน โดยการพัฒนาพื้นที่สำหรับตรวจปล่อยสินค้าขาออกบริเวณหนองสองห้องสำหรับการส่งออกสินค้าทางรางจากหนองคายมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2564

ส่วนความพร้อมของรางรถไฟจากหนองคายไปยังโม่ฮาน เส้นทางรถไฟหนองคาย (ไทย) - ท่านาแล้ง (ลาว) มีความพร้อมรองรับการขนส่ง ในขณะที่เส้นทางรางเวียงจันทน์ใต้ (ลาว) - คุนหมิง (จีน) อยู่ระหว่างก่อสร้างมีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนธ.ค.2564 เส้นทางรถไฟท่านาแล้ง – เวียงจันทน์ใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางรางในพื้นที่ประเทศลาว เชื่อมต่อจากไทยไปยังจีนยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และไม่มีกำหนดเสร็จ ส่งผลให้สินค้าขนส่งทางรางจากหนองคายไปยังจีนต้องเปลี่ยนถ่ายสินค้าในลาว ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งผลไม้

 พิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กล่าวว่า ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการลงนามพิธีสาร นอกจากจะทำให้มีด่านส่งออกและนำเข้าทั้งจากไทยและจีนมากขึ้นแล้ว ผู้ประกอบการไทย ยังมีทางเลือกในการใช้เส้นทางขนส่งเพิ่มขึ้น สามารถเลือกใช้เส้นทางที่สะดวกและเหมาะสม ลดต้นทุน การขนส่งสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ไทย เป็นผลไม้เมืองร้อน มีอายุการเก็บรักษาสั้น ดังนั้น การขยายด่านขนส่ง จึงเป็นผลดีต่อสินค้าเกษตร ให้สามารถกระจายไปยังมณฑลต่างๆ ของจีนได้อย่างทั่วถึงในระยะอันสั้น