พาณิชย์ทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

ทุกๆปี กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ จะจัดพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญของกรมทรัพย์สินทางปัญญา  โดยร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ และภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ์ ซึ่งการทำลายของกลางนี้ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญในการบังคับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและเพื่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกภาคส่วนว่าสินค้าละเมิดฯ จะไม่ถูกนำกลับมาหมุนเวียนในท้องตลาดอีก

ในปี 64 นี้มีของกลางฯ ที่ถูกนำมาทำลายทั้งสิ้นจำนวน 572,076 ชิ้น อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า เข็มขัด รองเท้า นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ และเครื่องสำอาง เป็นต้น  โดยเป็นของกลางจากการจับกุมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 56,501 ชิ้น กรมศุลกากร 435,049 ชิ้น และกรมสอบสวนคดีพิเศษ 80,526 ชิ้น โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท

อ่านข่าว : DSI แจงข้อมูลการคืนรถยนต์ลัมโบร์กินี ของกลาง กรณีคดีพิเศษของ 'พ.ต.อ.ธิติสรรค์'

โดยของกลางทั้งหมดกระจายอยู่ในสถานที่เก็บของกลางในหน่วยงานต่างๆ  รวม32 จังหวัด ซึ่งก่อนจะมีพิธีทำลายของกลางจะมีการการส่งมอบของกลาง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งจะมีการตรวจสอบและมอบของกลางก่อนทำการขนย้าย เมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้นก็จะดำเนินการปิดผนึกนำใส่รถขนย้ายของกลาง พร้อมปิดล็อกตู้ชีล  และรถขนย้ายของกลางจะมีระบบติดตามหรือจีพีเอสตลอดเส้นทาง เพื่อนำมาส่งในจุดทำลายของกลางอย่างรัดกุมและปลอดภัย  เพื่อให้ทุกขั้นตอนโปร่งใสและตรวจสอบได้

เมื่อย้อนไปดูสถิตการทำลายของกลาง 2 ปีพบว่า ในปี 2563 มีของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วที่จะต้องนำมาทำลายทั้งสิ้น 785,376 ชิ้น ประกอบด้วยสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า เข็มขัด รองเท้า นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ แผ่นซีดี/วีซีดี แว่นตา เครื่องสำอาง หมวก ผ้าห่ม เป็นต้น โดยเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 293,310 ชิ้น กรมศุลกากร จำนวน 285,842 ชิ้น และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 206,224 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายโดยรวมประมาณ 354 ล้านบาท ส่วนปี 2562 มีของกลางจำนวนกว่า 11 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 550 ล้านบาท

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เน้นย้ำ ว่า  รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ เดินหน้าปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจังทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์

 “ของกลางในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วจะต้องนำมาทำลายด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ค้า นักลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ว่าสินค้าละเมิดฯ จะไม่ถูกนำกลับมาหมุนเวียนในท้องตลาดอีก นอกจากนี้ ยังสร้างความตระหนักรู้ให้สาธารณชนได้รับทราบว่า สินค้าละเมิดฯ ยังเป็นสินค้าด้อยคุณภาพหรือบางรายการอาจเป็นอันตรายส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค จึงอยากให้ผู้บริโภคตระหนักในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน”นายสินิตย์ กล่าว

ทั้งนี้พิธีทำลายของกลางฯ ถือเป็นอีกกลไกสำคัญของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสสอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และเป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ค้า นักลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา