YLG ชี้เฟดลดคิวอี กระทบไม่แรงเท่าปี 56

YLG ชี้เฟดลดคิวอี กระทบไม่แรงเท่าปี 56

วายแอลจี มองเฟดลดคิวอีรอบนี้ ผลกระทบอาจไม่เท่าปี56 เหตุดีมานด์จีน-อินเดียฟื้น-เงินเฟ้อยังสูง ช่วยพยุงราคา พร้อมยกข้อมูลปี 56 แม้เฟดลดคิวอี พบราคาทองตอบสนองเชิงลบมากสุด ก่อนเฟดออกนโยบาย และปรับขึ้นอีกครั้ง หลังเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่าการเคลื่อนไหวของทิศทางทองคำในช่วงนี้ยังเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวในระยะสั้น และพักฐานในระยะกลาง แต่ในระยะยาวสัญญาณยังดูดี ทั้งนี้ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวขึ้นลงสลับกันไปโดยมีปัจจัยหลักมาจากการรอดูทิศทางของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ว่าจะมีการปรับลดวงเงินการทำ QE ภายในปีนี้หรือไม่ อย่างไรก็ดีเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2556 ซึ่งในปีนั้นเฟดได้ทำการประกาศลดการทำ QE ส่งผลให้ราคาทองคำในปีนั้น ปรับตัวลดลงถึง 28% 

ทั้งนี้การปรับตัวลดลงของทองคำจากการลดวงเงิน QE ในปี 2556 นั้นจะมีจุดที่น่าสนใจ 3 ข้อ ดังนี้
1. ราคาทองคำจะตอบสนองในเชิงลบต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟดมากที่สุดในช่วงก่อนที่เฟดจะดำเนินการลด QE จริง 
2. ราคาทองคำยังปรับตัวลงต่อในช่วงที่เฟดเริ่มลด QE ครั้งแรกไปจนถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก  แต่การตอบสนองเชิงลบไม่มากเท่าระยะแรก  และราคามีการปรับตัวลงทำระดับต่ำสุดในเดือนที่เฟดเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก  
3. ราคาทองคำเริ่มยกฐานขึ้นนับตั้งแต่เฟดเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนธ.ค.ปี 2558

อย่างไรก็ตามหากเฟดมีการปรับลดวงเงิน QE ในปีนี้มองว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำที่แตกต่างไปจากเมื่อครั้งปี 2556 เนื่องจากปัจจุบันราคาทองคำไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามนโยบายเฟดอย่างเดียว แต่มาจากปัจจัยที่มากขึ้น และในปีนี้ก็ยังมีปัจจัยบวกที่น่าสนใจ 3 ข้อ ได้แก่


1. แม้เฟดจะประกาศลดวงเงิน QE แต่ปริมาณเงินมหาศาลที่ทั้งธนาคารกลางและรัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเข้าไปในระบบจะยังไม่หายไปทันที ซึ่งจะส่งผลให้การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ในกรอบจำกัด
2. ความต้องการทองคำที่เริ่มฟื้นตัวจากจีนและอินเดีย ซึ่งจีนเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอินเดียเองก็เริ่มมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้ความต้องการทองคำกลับมาอยู่ในระดับสูง
3. อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนยังคงเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง

ดังนั้นมองว่าหากเฟดปรับลด QE จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาทองคำอย่างแน่นอน  แต่อาจจะไม่มากเท่าปี 2556 ส่วนคำแนะนำนักลงทุนนั้น ในระยะสั้น ระยะกลางยังสามารถทำกำไรตามรอบ โดยอาศัยการดูแนวรับแนวต้าน

ในระยะสั้นมองแนวรับสำคัญที่ 1,775-1,773 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือ 27,500.บาท แนวรับนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก  หากหลุดควรตัดขาดทุน  แล้วรอซื้อในแนวรับที่ต่ำกว่าเพราะถ้าหลุดแนวรับนี้ราคาทองคำจะพักฐานที่ลึกมากขึ้น  

ส่วนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1,809 1,814 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้าผ่านได้สามารถเข้าซื้อเพื่อทำกำไรได้ และหากดีดตัวขึ้นไปแนะนำให้ขายทำกำไรออกไปก่อน สำหรับแนวต้านสำคัญมองที่ 1,833  ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ถ้าผ่านได้ถึงจะเป็นสัญญาณที่ดี