ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิต BAY ที่ AAA แนวโน้ม คงที่

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิต BAY ที่ AAA แนวโน้ม คงที่

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” ที่ “AAA” แนวโน้ม “คงที่”

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AAA” และคงอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาทซึ่งครบกำหนดชำระภายใน 3 ปีของธนาคารที่ระดับ “AAA” พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการยกระดับจากสถานะเครดิตเฉพาะของธนาคารซึ่งอยู่ที่ระดับ “aa-” โดยสะท้อนถึงสถานะของธนาคารในการเป็นสมาชิกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ Mitsubishi UFJ Financial Group Inc. (MUFG Group) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินที่ MUFG Group มีให้แก่ธนาคารมาโดยตลอด รวมถึงความช่วยเหลือที่คาดว่าจะได้รับจากกลุ่มธนาคารแม่ในกรณีที่ธนาคารประสบปัญหาทางการเงินอีกด้วย ทั้งนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นธนาคารย่อยของ MUFG Bank Ltd. (MUFG Bank) ซึ่ง MUFG Bank (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A/Stable” จาก S&P Global Ratings) เป็นธนาคารย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย MUFG Group และยังเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มอีกด้วย

สถานะเครดิตเฉพาะของธนาคารกรุงศรีอยุธยาสะท้อนถึงพอร์ตสินเชื่อที่มีการกระจายตัวที่หลากหลายรวมทั้งการมีธุรกิจสินเชื่อในกลุ่มลูกค้ารายย่อยและกลุ่มลูกค้าธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่มั่นคงมาก อย่างไรก็ตาม สถานะเครดิตเฉพาะของธนาคารก็มีข้อจำกัดจากการมีสถานะเงินกองทุนที่อยู่ในระดับปานกลางและการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากลูกค้ารายใหญ่ที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่อื่น ๆ ในประเทศไทย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นธนาคารย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ MUFG Group ทริสเรทติ้งประเมินว่าธนาคารกรุงศรีอยุธยามีสถานะเป็นธนาคารย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของ MUFG Group โดยปัจจุบัน MUFG Group ถือหุ้นในสัดส่วน 76.88% ในธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทั้งนี้ ธนาคารมีบทบาทสำคัญในการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มในการทำกำไรในอัตราที่สูงกว่าและมีการเติบโตที่สูงอีกด้วย

ทริสเรทติ้งคาดว่าธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะยังคงได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านการเงินและด้านธุรกิจจาก MUFG Group ต่อไป โดยในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ MUFG Group จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษแก่ธนาคารในเวลาที่ธนาคารมีปัญหาทางการเงิน ส่วนในแง่ของการสนับสนุนทางธุรกิจนั้น ธนาคารมีความร่วมมือที่สำคัญกับกลุ่มซึ่งประกอบไปด้วยการสนับสนุนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ (Cross-border Business) การอ้างอิงลูกค้า (Client Referral) การให้สินเชื่อแก่ธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มสายการผลิต (Supply-chain Financing) รวมไปถึงการดำเนินธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management Business)

ทริสเรทติ้งเชื่อว่า MUFG Group นั้นมีพันธสัญญาที่เหนียวแน่นในระยะยาวที่จะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าความเชื่อมโยงที่ใกล้ชิดระหว่างธนาคารกับกลุ่มนั้นมีนัยสำคัญต่อชื่อเสียงของกลุ่ม ทั้งนี้ MUFG Group มีส่วนร่วมในการบริหารงานของธนาคารอย่างชัดเจนทั้งในระดับคณะกรรมการและผู้บริหาร โดยกรรมการที่ไม่เป็นอิสระของธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำนวน 4 คนจากทั้งหมด 7 คนได้รับการแต่งตั้งจากกลุ่ม

ธุรกิจเป็นที่ยอมรับและพอร์ตสินเชื่อมีการกระจายตัวดี

ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่มีความมั่นคงเป็นปัจจัยที่ทริสเรทติ้งใช้ในการประเมินสถานะเครดิตเฉพาะของธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยธนาคารได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์จำนวน 6 รายที่มีความสำคัญในเชิงระบบ (Domestic Systematically Important Banks -- D-SIB) ของประเทศไทย ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อและเงินฝากที่ระดับ 13.6% และ 13.3% ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งสิ้น 9 แห่งตามลำดับ

ธนาคารมีความเชี่ยวชาญในกลุ่มลูกค้ารายย่อยโดยเห็นได้จากส่วนแบ่งทางการตลาดที่โดดเด่นในผลิตภัณฑ์กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่สำคัญต่าง ๆ ธนาคารครองตำแหน่งผู้ประกอบการอันดับต้น ๆ อย่างต่อเนื่องในด้านสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 28% 16% และ 29% ตามลำดับ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 นอกจากนี้ ธนาคารยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือธนาคารอื่นในการดำเนินธุรกิจให้สินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นจากการมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดกับ MUFG Group อีกด้วย

ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าพอร์ตสินเชื่อที่มีความหลากหลายและกระจายตัวเป็นอย่างดีจะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนสถานะเครดิตของธนาคารกรุงศรีอยุธยาต่อไปท่ามกลางความไม่แน่นอนสูงของภาวะเศรษฐกิจอันเกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าธนาคารจะยังคงขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศต่อไปอีกในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยผ่านการเติบโตทั้งแบบจากภายใน (Organic) และจากภายนอก (Inorganic) ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้ของธนาคารมีสัดส่วนที่มาจากการปล่อยสินเชื่อมากกว่าธนาคารพาณิชย์ไทยอื่น ๆ อยู่บ้างเล็กน้อยโดยมีสัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ระดับประมาณ 69.3% ของรายได้ทั้งหมด (ไม่รวมการรับรู้กำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นบางส่วนใน บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิมีสัดส่วน 14.9% ของรายได้รวม ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับระดับ 20%

ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีการขยายพอร์ตสินเชื่อในอัตราที่ช้าลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากผลกระทบของโรคโควิด 19 โดยทริสเรทติ้งเชื่อว่าความพยายามของธนาคารในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ผ่านกลยุทธ์การเติบโตแบบอนุรักษ์นิยมน่าจะช่วยสนับสนุนความมั่นคงของธุรกิจและกำไรของธนาคารในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า