RS - ถือ (18 ส.ค.64)

RS - ถือ (18 ส.ค.64)

เส้นทางไม่ราบรื่น

คงคำแนะนำ ถือ ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 20บาท แม้รวมมูลค่าของ Specialty แล้ว เราปรับคาดการณ์กำไรลง 44% สำหรับปี 2021 และ 21% ใน 2022 เพื่อสะท้อนอัตรากำไรจากธุรกิจพาณิชย์ลดลง ในระยะสั้น เราคาดว่า RS จะมีกำไรที่ไม่น่าสนใจใน 3Q21 จากความต้องการสินค้าเชิงพาณิชย์อ่อนแอ และทำให้ไม่มีปัจจัยกระตุ้นราคาในระยะสั้น    

 

ข้อความทั้งบวกและลบ

โทนจากการประชุมเป็นกลาง โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้; i) บริษัทลดคาดการณ์ทางการเงินสำหรับปี 2021 ลงโดยลดรายได้ลง 30% เป็น 4-4.4พันลบ. โดยมีอัตรากำไรสุทธิลดลงสู่ 10-12% จาก 12-14% ก่อนหน้านี้ การปรับลดคาดการณ์รายได้มาจากธุรกิจพาณิชย์ทั้งผลิตภัณฑ์ปัจจุบันและผลิตภัณฑ์ใหม่; ii) ผลประกอบการ 3Q21 จะฟื้นตัวเล็กน้อยจาก 2Q21 อย่างไรก็ตามยังต่ำกว่าระดับปกติที่ 100ลบ. หรือมากกว่านั้น บริษัทคาดว่าจะฟื้นตัวได้ใน 4Q21 ซึ่งเป็นช่วงที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถกลับมาดำเนินงานได้; iii) การลงทุนใหม่ในบริษัท “the Specialty Group” คาดว่าจะเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของ RS ซึ่งนอกจากจะสร้างกำไรให้ RS แล้วยังสามารถสร้างซินเนอร์จีระหว่างสองบริษัทได้

 

ปรับคาดการณ์กำไร 2021 เป็นต้นไปจากการปรับธุรกิจพาณิชย์

เราปรับคาดการณ์กำไรของเราในปี 2021 ลง 43% และ 22% ใน 2022 หลังจากรวมปัจจัยรายได้ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายการขายและบริหารที่สูงขึ้นจากการโปรโมทสินค้าใหม่ของธุรกิจพาณิชย์ ในคาดการณ์ใหม่ของเรา เราได้รวมส่วนแบ่งกำไรจาก Specialty Group ที่เริ่มตั้งแต่ 4Q21 เป็นต้นไปแล้ว เราคาดว่า Specialty จะสร้างกำไรประมาณ 73ลบ. ให้ RS ใน 2022 แต่กำไรนี้จะถูกค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย21ลบ.หักล้างบางส่วน กำไรที่เพิ่มขึ้นสุทธิจาก Specialty ให้ RS จะคิดเป็น 8% ของกำไรปี 2022 แต่เรายังไม่รวมผลของซินเนอร์ยีที่อาจเกิดขึ้นระหว่าง RS และ Specialty ซึ่งหากมีซินเนอร์ยีขึ้นจะเป็นอัพไซด์ต่อคาดการณ์ของเราตั้งแตปี 2022 เป็นต้นไป  

 

คงคำแนะนำ ถือ และเป้าหมาย SOTP ใหม่ที่ 20บาท

เราคงคำแนะนำ ถือ แต่ปรับราคาเป้าหมาย SOTP ลงเป็น 20บาท ส่วนของ RS เพียง อย่างเดียวที่ 18.34บาทต่อหุ้น Chase contribution of 1บาทและ Specialty 0.66บาทต่อหุ้น โดยวิธีประเมินมูลค่า Chase และ Specialty ใช้วิธิต้นทุน แม้ราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก แต่เราไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นราคาในระยะสั้นจากผลกำไร 3Q21 จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากรายได้ธุรกิจพาณิชย์ลดลงและค่าการตลาดสูงขึ้น