BCPG - ซื้อ (11 ส.ค.64)

BCPG - ซื้อ (11 ส.ค.64)

ผลประกอบการ 2Q64: ดีกว่าประมาณการของเรา 7.3%

Event

กำไรจากธุรกิจหลักของ BCPG ใน 2Q64 อยู่ที่ 504 ล้านบาท (+33.6% YoY, +3.0% QoQ) ดีกว่าประมาณการของเรา 7.3% เนื่องจาก capacity factor (CF) ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ บริษัทยังบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้อีก 61 ล้านบาท ดังนั้น กำไรสุทธิใน 2Q64 จึงอยู่ที่ 565 ล้านบาท (+59.2% YoY, +7.9% QoQ) ทั้งนี้ กำไรจากธุรกิจหลักในงวด 1H64 อยู่ที่ 993 ล้านบาท (+27.1% YoY) คิดเป็น 44.5% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

Impact

กำไรใน 2Q64 เพิ่มขึ้น 34% YoY และ 3% QoQ

กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ YoY มาจาก i) รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่ง CF อยู่ที่ 41% (เราใช้สมมติฐาน CF เพียง 36%) เพิ่มขึ้นจาก 29.3% ใน 2Q63 เนื่องจาก มีฝนตกลงมามากขึ้น ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 39.7% ii) รับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้า solar ใหม่สี่โครงการในประเทศไทย (20MWe) ซึ่งเข้าไปซื้อในเดือนสิงหาคม 2563 โดย CF อยู่ที่ 16.9% ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 11.3% iii) ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินลดลง และ iv) ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการพลังงานลมในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้น โดย CF เพิ่มขึ้นเป็น 21% จาก 18.5% ใน 2Q63 ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 10.4%

ในขณะเดียวกัน กำไรที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ มาจาก i) รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่เข้าสู่ช่วง high season โดย CF เพิ่มขึ้นเป็น 41% CF จาก 27.7% ใน 1Q64 ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 49.8% ii) irradiation ของโครงการ solar ในญี่ปุ่นดีขึ้นเพราะเข้าสู่ช่วง high season โดย CF เพิ่มขึ้นเป็น 12% จาก 10.7% ใน 1Q64 ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 13.1% และ iii) ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีระยะเวลาที่ต้องปิดซ่อมบำรุงสั้นลง โดย CF เพิ่มขึ้นเป็น 96.9% จาก 92.1% ใน 1Q64 ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น 6.1% อย่างไรก็ตาม กำไรที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย QoQ เป็นเพราะโรงไฟฟ้าพลังงานลมเข้าสู่ช่วง low season โดย CF ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทยลดลงจาก 17.1% ใน 1Q64 เหลือ 11.2% ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้ลดลง 33.7% ในขณะที่ CF ของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ลดลงจาก 44.5% ใน 1Q64 เหลือ 21% ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้ลดลง53.6%

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 17.20 บาท เราคาดว่ากำไรใน 3Q64F จะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว ที่เข้าสู่ช่วง peak season เนื่องจากปริมาณน้ำฝนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกับระหว่างปี 2558-2563 เราคาดว่า capacity factor ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน 3Q64 จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 80 – 90% จาก 75% ใน 3Q63 ดังนั้น กำไรจากธุรกิจหลักในปี 2564 จึงน่าจะเป็นไปตามประมาณการกำไรปีนี้ของเรา

Risks

ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า, และความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่