SPRC ชะลอแผนลงทุนโครงการอัพเกรดน้ำมัน เหตุผลตอบแทนยังต่ำ

SPRC ชะลอแผนลงทุนโครงการอัพเกรดน้ำมัน เหตุผลตอบแทนยังต่ำ

SPRC ชะลอแผนลงทุนโครงการอัพเกรดน้ำมันที่เหลือจากการกลั่น-น้ำมันเตาที่มีกำมะถันสูง หลังมีผลตอบแทนต่ำ พร้อมคาดราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปีนี้ในกรอบ 70-75 ดอลลาร์ต่อบาร์ และไตรมาส 3 นี้ค่าการกลั่นกลับเป็นปกติที่ 3-4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงิน และการคลัง บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เปิดเผยว่า บริษัทได้ชะลอการลงทุนในโครงการอัพเกรดน้ำมันที่เหลือจากการกลั่น-น้ำมันเตาที่มีกำมะถันสูง หรือ โครงการที่เกี่ยวกับธุรกิจน้ำมันและก๊าซ และ การอัพเกรดผลิตภัณฑ์มูลค่าต่ำ (high value product) เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม บริษัทพร้อมกลับมากศึกษาโครงการลงทุนดังกล่าวอีกครั้ง หากสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป เช่น เช่น การแพร่ระบาดโควิดเริ่มคลี่คลาย ตลอดจนราคาผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง และ ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่า 15% โดยขณะนี้บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษา อยู่ใน Value Chain โรงกลั่น ราว 4-5 โครงการ ซึ่งมองถึง Energy Transition ในอนาคต และ ความยั่งยืน (Sustainability)

ทางด้านราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 5-6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นผลมาจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน และ ดีเซล ของสหรัฐ ซึ่งเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ หลังโควิดคลี่คลาย ประกอบกับ ซัพพลายที่เพิ่มขึ้น 91.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังโอเปกพลัสได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันราว 4 แสนบาร์เรลต่อวัน เริ่มตั้งแต่ส.ค.นี้ไปจนถึงสิ้นปี 2564 ทำให้คาดว่า ราคาน้ำมันดิบปีนี้น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 70-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ บริษัทคาดค่าการกลั่นในไตรมาส  3 ปี 2564 จะกลับมาอยู่ในระดับปกติที่ 3-4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1 ปี2564 ที่อยู่ที่ 3.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังไตรมาส 2ปี 2564 ลดลงมาอยู่ที่ 2.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากส่วนเพิ่มของราคาน้ำมันดิบ (crude premiums) ที่ปรับตัวสูงขึ้น และ สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลระทบต่อสัดส่วนการขายที่ลดน้อยลง

สำหรับแนวโน้ม crude premiums ในช่วงปลายไตรมาส 3ปี 2564  จะเริ่มทรงตัว และ จะไม่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่ส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์ (Crack Spread) ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์แก๊สโซลีนที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 12.4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ 9.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นผลมาจากความต้องการใช้ในสหรัฐฯที่ปรับตัวดีขึ้น หลังสามารถทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิดจนกลับมาใช้ชีวิตปกติ รวมถึงจีนมีการลดการส่งออกน้ำมันเบนซิน และ ดีเซลลง ทำให้ Singapore inventories ดูดีขึ้น จึงคาดว่า ค่าการกลั่นไตรมาส 3 ปี 2564 จะกลับมาอยู่ในระดับปกติ

สำหรับงวด 6 เดือน SPRC มีกำไร 2,779 ล้านบาท หรือ 0.64 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันปี 2563 ที่ขาดทุน 7,134 ล้านบาท หรือ -1.65 บาทต่อหุ้น ขณะที่ กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2564  อยู่ที่  773.42 ล้านบาท ลดลง 32.05% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน รับค่าปริมาณและค่าการกลั่นต่ำลดลง หลังโควิดกระทบอุปสงค์ พร้อมตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน