WGE ครึ่งแรกปี 64 ขาดทุน 20.13 ล้านบาท จากเศรษฐกิจชะลอ-โควิด

WGE ครึ่งแรกปี 64 ขาดทุน 20.13 ล้านบาท จากเศรษฐกิจชะลอ-โควิด

WGE แจ้งงบไตรมาส 2/64 ขาดทุน 2.7 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งแรกปี 64 ขาดทุนสุทธิ 20.13 ล้านบาท ลดลง 169.12% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง-โควิด

นายเกรียงศักดิ์ บัวนุ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวล เกรด เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ WGE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขอนำส่งการวิเคราะห์และคำอธิบาย ของฝ่ายจัดการสำหรับไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 โดยรายได้จากการก่อสร้างและบริการ พบว่า สำหรับงวดหกเดือนแรกสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการก่อสร้างและบริการเท่ากับ 358.91 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2563 จำนวน 107.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 23.06

โดยการปรับตัวลดลงดังกล่าว มีเหตุผลสำคัญมาจาก สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทำให้ฐานลูกค้าหลักของกลุ่มบริษัท สำหรับการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างและบริการปี 2564 ส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาและช่วงต้นปี อาทิเช่น โครงการ ดิเอ็กเซล รัชดา 18, โครงการศุภาลัย ลอฟท์ ประชาธิปก - วงเวียนใหญ่, โครงการวันเดอร์ เกษตร, โครงการโมดิซ ลอนซ์, โครงการอาคารสำนักงานศรีกรุงโบรกเกอร์ เป็นต้น

โดยลูกค้าดังกล่าวเป็นกลุ่มลูกค้าภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 51.51 ของรายได้จากการก่อสร้างและบริการ ในขณะที่รายได้จากงานก่อสร้างส่วนอื่นมาจากลูกค้าในกลุ่มภาครัฐ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 48.49 อาทิเช่น โครงการก่อสร้างอาคารหอพักนักศึกษา 1 หลัง ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา, โครงการพัฒนาสร้างเสริมสุขภาวะแก่ผู้ป่วยฯ, โครงการอาคารสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน, โครงการปรับปรุงเขื่อนป้องกันตลิ่งโครงการที่พักอาศัยสำหรับเจ้าหน้าที่ๆ, โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

ขณะที่ต้นทุนขายและกำไรขั้นต้น สำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2563 และงวดหกเดือนแรกของปี 2564 กลุ่มบริษัทมีต้นทุนงานก่อสร้างและบริการ 383.63 ล้านบาทและ 335.50 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82.24 และร้อยละ 93.48 ของรายได้จากการก่อสร้างและบริการงวดดังกล่าวตามลำดับ ในขณะที่กำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทสำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2563 และงวดหกเดือนแรกของปี 2564 มีจำนวน 82.84 และจำนวน 23.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 17.76 และร้อยละ 6.52 ตามสำดับ โดยอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทงวดหกเดือนแรกปี 2564 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องมาจากการประมูลงานของภาครัฐมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง จากการแข่งขั้นที่เพิ่มสูงขึ้น

ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับงวดหกเดือนแรกปี 2564 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 42.57 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 3.47 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 7.54 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจาก ค่าแรงรายวัน ค่าธรรมเนียมที่ปรึกษาทางการเงิน ค่าธรมเนียมธนาคาร และสวัสดิการตามนโยบายบริษัท

ทั้งนี้ กำไรสุทธิสำหรับงวดหกเดือนแรกสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 บริษัทขาดทุนสุทธิจำนวน 20.13 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2563 จำนวน 49.25 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 169.12 โดยการปรับตัวลดลงดังกล่าว มีเหตุผลสำคัญมาจากรายได้ที่ลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19

ขณะที่ฐานะทางการเงิน ณ 30 มิ.ย.2564 กลุ่มบริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 1,188.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ณ 31 ธ.ค.2563 จำนวน 165.86 ล้านบาท โดยสาเหตุสำคัญของการปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจาก เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 48.30 ล้านบาท ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ จำนวน 66.18 ล้านบาท และมูลค่างานระหว่างก่อสร้างที่ยังไม่ได้เรียกเก็บเพิ่มขึ้นจำนวน 28.07 ล้านบาท ตามลำดับ

ทั้งนี้ ณ 30 มิ.ย.2564 บริษัทมีหนี้สินรวมจำนวน 552.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ณ 31 ธ.ค.2563 จำนวน 185.98 ล้านบาท มีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่น และ เงินเรียกเก็บล่วงหน้าตามสัญญาก่อสร้าง เป็นหลัก โดยหนี้สินข้างต้นเป็นการตั้งเจ้าหนี้หรือค่ใช้จ่ายค้างจ่ายจากรายการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจปกติของกลุ่มบริษัทที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นตามจำนวนและมูลค่งานก่อสร้างสะสมที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัท

ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ 30 มิ.ย.2564 กลุ่มบริษัทมีส่วนผู้ถือหุ้นรวมจำนวน 635.99 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้น 31 ธ.ค. 2563 จำนวน 20.12 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจาก บริษัทขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 12.12 ล้านบาท