ซันสวีท เซ็น MOU กับม.แม่โจ้ ศึกษาพัฒนาสายพันธุ์กัญชง

ซันสวีท เซ็น MOU กับม.แม่โจ้ ศึกษาพัฒนาสายพันธุ์กัญชง

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) จับมือมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อร่วมมือในการศึกษา การวิจัย ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเพาะปลูกพืชมูลค่าสูง เช่น พืชสมุนไพร กัญชง กระท่อม สู่การขับเคลื่อนการเกษตรให้เติบโตอย่างยั่งยืน

รศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อร่วมมือในการสนับสนุนการศึกษา การวิจัย และการบริการวิชาการ กับบริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้จะให้บริการทางวิชาการกับบริษัท โดยสนับสนุนนักวิจัยและนักวิชาการในสังกัด เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ และให้คำปรึกษา เกี่ยวกับระบบการทำการเกษตรสมัยใหม่ ฟาร์มอัจฉริยะและนวัตกรรมเกษตร นวัตกรรมการเพิ่มมูลค่าผลผลิตเกษตรการทำเกษตรอินทรีย์ และการปลูกพืชมูลค่าสูง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่มุ่งสร้างและพัฒนานวัตกรรมและองค์ความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางการเกษตร และวิทยาศาสตร์ประยุกต์เพื่อการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่สังคม

ด้าน ดร.องอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SUN กล่าวว่า ม.แม่โจ้ และ SUN เห็นชอบตรงกันถึงประโยชน์ ของการร่วมมือทางวิชาการ เนื่องจากได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาการเกษตร และการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านกระบวนการเพาะปลูกพืชมูลค่าสูง เช่น พืชสมุนไพร กัญชง และกระท่อม การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มาช่วยเพิ่มมูลค่าของผลผลิตทางการเกษตร โดยมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีความเป็นเลิศทางการเกษตรในระดับนานาชาติ มีนักวิจัยและนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม การถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรให้แก่บริษัทในครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง และช่วยขับเคลื่อนความร่วมมือโครงการวิจัยและพัฒนาการเกษตรอื่น ๆ ในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทได้ร่วม Kick off โครงการร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศนวัตกรรมเกษตรสมัยใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในโครงการศึกษาสารพันธุกรรมและลักษณะทางกายภาพของกัญชง เพื่อพัฒนาสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ปลูก และการนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และอาหาร โดยครอบคลุมถึงการศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในการนำมาต่อยอดสู่ผลิตสินค้าต่างๆ ของบริษัทในอนาคต ถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการ ในการนำเอาความรู้มาประยุกต์ใช้จริง รวมถึงสร้างความมั่นคงด้านการเกษตรต่อไป