วงในคาด ‘มงคล ประกิตชัยวัฒนา’ ขายบิ๊กล็อต KTC กำเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน XPG

KTC แจงยังไม่รู้ใครขาย-ซื้อบิ๊กล็อต 110 ล้านหุ้น มูลค่า 8.22 พันล้าน ราคาต่ำกว่ากระดานกดหุ้นร่วง 11% “ชุติเดช” เชื่อผู้ถือหุ้นใหม่มั่นใจจึงเข้าซื้อ ยันรายได้ปีนี้โตกว่าปีก่อน วงในคาด "มงคล ประกิตชัยวัฒนา" ขาย นำเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุน XPG
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC วานนี้ (27พ.ค.) ปรับตัวลดลงแรงตั้งแต่เปิดซื้อขายอยู่ที่ 76.50 บาท ลดลง 7.83% จากราคาปิดวันที่ 25 พ.ค. และปรับตัวลงต่อเนื่องมาปิดที่ 73.50 บาท ลดลง 9.50 บาท หรือ 11.45% จากมีรายการบนกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) ที่ราคา74.75 ซึ่งต่ำกว่ากระดาน จำนวน 110 ล้านหุ้น ในกระดานหลัก 34 ล้านหุ้น มูลค่า 2,541.5 ล้านบาท และในกระดานต่างประเทศอีก76 ล้านหุ้น มูลค่า 5,681 ล้านบาท มูลค่ารวม 8,222.50 ล้านบาท
นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส-คอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ยังไม่ทราบว่าผู้ถือหุ้นรายใดขายหุ้นบิ๊กล็อตออกมา แต่บริษัทขอให้ความเชื่อมั่นผู้ถือหุ้นได้ว่าการซื้อขายบิ๊กล็อตดังกล่าวไม่กระทบปัจจัยพื้นฐานหรือการดำเนินงานของบริษัท เพราะการขายหุ้นบิ๊กล็อตวานนี้ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 4% ของจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนทั้งหมดที่ 2,578.33 ล้านหุ้น
“การขายหุ้นดังกล่าวคาดเป็นการขายทำกำไรผู้ถือหุ้น ซึ่งสามารถทำได้ ส่วนผู้ที่มาซื้อหุ้นก็ต้องมีความมั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ตนได้ และแม้จะเป็นการขายบิ๊กล็อตที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ไม่มีผลกับการบริหารงานหรือทิศทางของบริษัท ซึ่งบริษัทจะมุ่งทำผลการดำเนินงานให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น”
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 คาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 18,891 ล้านบาท จากปัจจัยหนุนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ยังสามารถเติบโตได้ดีท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 โดยประเมินยอดใช้จ่ายผ่านบัตรปีนี้เติบโต 8% จากปีก่อนที่ 1.97 แสนล้านบาทรวมถึงการลงทุนใหม่ใน บริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) ที่ปัจจุบันกระบวนการโอนหุ้นผ่านไปเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างปรับกระบวนการทำงานร่วมกัน โดยคาดว่าจะเห็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ทำร่วมกับ KTBL เร็วๆ นี้
แหล่งข่าวจากตลาดทุน เปิดเผยว่า สำหรับรายการบิ๊กล็อตของ KTC วานนี้ คาดว่ามาจาก นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของ KTC ซึ่งคาดเป็นการเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบัน เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่จำหน่ายค่อนข้างสูง
สำหรับสาเหตุในการขายหุ้น พบว่า นายมงคล มีชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) ที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท (Rights Offering) จำนวน 363 ล้านหุ้น มูลค่ารวมกว่า 1.48 พันล้านบาทโดยภายหลัง KTC แจ้งบิ๊กล็อตพบว่า ราคาหุ้น XPG วานนี้ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสวนทาง KTC โดยปิดที่ 8.10 บาทต่อหุ้นปรับขึ้น 1.00 บาท หรือปรับขึ้น 14.08%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น KTC วานนี้ปรับตัวลงตลอดทั้งวัน ก่อนปิดที่ 73.50 บาทต่อหุ้น ลดลง 9.50 บาท หรือลดลง 11.45% โดยมีปัจจัยกดดันจากการขายหุ้นบิ๊กล็อตของบริษัทฯ ซึ่งกำหนดราคาต่ำกว่าราคาเดิมบนกระดานประมาณ 9% ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงมาซื้อขายให้สอดคล้องกับราคาบิ๊กล็อต ขณะที่การซื้อขายระดับ 110 ล้านหุ้น คาดว่าจะมาจาก 1 ใน 5 ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท
ในมุมของการลงทุน แนะนำซื้อขายทำกำไร (เทรดดิ้ง) ระยะสั้นเท่านั้น แม้ว่าบริษัทฯ จะมีแนวโน้มเติบโตได้ดีต่อเนื่องในอนาคต จากที่ธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนใหม่ อย่างไรก็ดี มูลค่า (Valuation) หรือราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมของปี 2564 ที่นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้เพียง 68 บาทต่อหุ้น จึงไม่แนะนำเข้าซื้อเพื่อลงทุนในระยะกลาง-ยาว