'เราชนะ' รอบใหม่ เตรียมรับเงิน! 'บัตรคนจน' รับเงิน เพิ่มอีก 1 พันบาท 28 พ.ค.64

'เราชนะ' รอบใหม่ เตรียมรับเงิน! 'บัตรคนจน' รับเงิน  เพิ่มอีก 1 พันบาท 28 พ.ค.64

"เราชนะ" รอบใหม่ 28 พ.ค.64 รับเงิน! "บัตรคนจน" รับเงินเพิ่มอีก 1,000 บาท พร้อมเปิดวิธีเช็คยอดเงินเยียวยาคงเหลือ ทำอย่างไรบ้าง?

หลังจากที่กลุ่ม "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ได้รับเงินเยียวยาช่วยเหลือจากมาตรการ "เราชนะ" รอบใหม่ ครั้งแรกเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาทไปแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 21 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา ผ่านบัตรคนจน โดยมาตรการเราชนะครั้งนี้เป็นการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่เคยได้รับสิทธิในครั้งก่อนจากรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ 

ทั้งนี้จากมาตรการเราชนะ รอบใหม่ กำหนดวงเงินเยียวยาช่วยเหลืออยู่ที่ 2,000 บาทต่อราย ทั้งกลุ่มบัตรคนจน และกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ที่ได้รับสิทธิผ่านบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดนั้น ระบบจะโอนเงินเข้าทั้งหมด 2 ครั้ง เป็นรายสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1,000 บาท มีการกำหนดไทม์ไลน์ไว้ดังนี้

  • ครั้งแรก ได้รับเงินในวันศุกร์ที่ 21 พ.ค.2564
  • ครั้งที่สอง ได้รับเงินในวันศุกร์ที่ 28 พ.ค.2564  

โดยเงินเยียวยาดังกล่าวสามารถใช้สิทธิซื้อสินค้าและจ่ายค่าบริการ ซึ่งสามารถใช้สิทธิได้ถึง 30 มิ.ย.2564 ได้กับร้านค้าที่ร่วมมาตรการดังนี้

- ร้านธงฟ้าประชารัฐที่มีเครื่อง EDC 

- ร้านถุงเงินธงฟ้าประชารัฐ

- ร้านค้าคนละครึ่ง

- ร้านค้าเราชนะ

- ใช้บริการขนส่งส่วนบุคคล เช่น แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ สามล้อถีบ ตุ๊กตุ๊ก ฯลฯ

- ใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ ขสมก. รถตู้ รถไฟฟ้า ฯลฯ 

โดยสามารถเช็คยอดเงินเราชนะได้ทั้งหมด 3 ช่องทาง ดังนี้ 

1.ผ่าน Call Center เบอร์ 0-2109-2345 

- กด 3 ตรวจสอบยอดวงเงินคงเหลือ
- กด 8 วงเงินช่วยเหลือโครงการเราชนะ 
- กดเลขบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 16 หลัก หรือเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ตามด้วย #
- กดรหัส ATM 6 หลัก ตามด้วย #
- ระบบจะบอกยอดเงินคงเหลือ

2.เครื่อง EDC

- นำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้กับร้านค้าที่มีเครื่อง EDC ในการรับจ่ายเงิน 
- ร้านค้าจะนำบัตรสอดเข้าเครื่อง และเลือกปุ่มสิทธิเราชนะ
- ระบบจะระบุยอดเงินคงเหลือของมาตรการเราชนะ

3.ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย

- นำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสอดเข้าตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย
- ใส่รหัสบัตร ATM 6 หลัก
- เลือกเมนูบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 
- เลือกเมนูขอดูยอดเงินคงเหลือ 

ที่มา : กระทรวงการคลังเว็บไซต์เราชนะ , สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง