JUBILE - ซื้อ (21 พ.ค.64)

JUBILE - ซื้อ (21 พ.ค.64)

ผลประกอบการ 1Q64 อ่อนตัว QoQ แต่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น 2H64

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

Ø รายงานกำไร 1Q64 ที่ 61 ลบ. -32%QoQ แต่ +36%YoY: รายได้ 1Q64 เติบโต 11%YoY สู่ 405 ลบ. เนื่องจากในไตรมาส 1/64 ไม่มีการปิดห้างสรรพสินค้าเหมือนปี 63 และบริษัทมีการออกคอลเลกชั่นใหม่อย่าง Dear Destiny Collection ในช่วงวันวาเลนไทน์เป็นปัจจัยหนุนต่อรายได้ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวลงสู่ 47.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 49.5% เนื่องจากจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและโปรโมชั่นเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 79 ลบ. ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไร 1Q64 ที่ 61 ลบ. -32%QoQ แต่เติบโต 136%YoY และคิดเป็น 21% ของประมาณการ

Ø คาดผลประกอบการ 2Q64 จะอ่อนตัวลงแต่จะฟื้นตัวใน 2H64 : ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้และกำไร 2Q64 จะอ่อนตัวลงเนื่องจากมาตรการภาครัฐที่ควบคุมการรับประทานอาหารที่ร้านและจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2 พันรายต่อวัน รวมถึงการพบคลัสเตอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนอยู่ในที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้คาดว่าการจัดงาน Mid year sale ในปลายไตรมาส 2 จะต้องเลื่อนไปยัง 2H64 อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นใน 2H64 เนื่องจากคาดว่าภาครัฐจะควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID ได้และประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และคาดว่าจะมีการจัดงานใหญ่ 2 งานในครึ่งปีหลัง(1 งานเลื่อนมาจากไตรมาส 2) เป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการเพิ่มเติม

Ø ปรับประมาณการกำไรปี 64 เพิ่มขึ้น 6% จากการทยอยฉีดวัคซีน : แม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบ COVID ในไตรมาส 2 แต่การที่ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีน จะช่วยให้เศรษฐกิจและประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ใน 2H64 ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าของบริษัทได้รับผลกระทบจาก COVID จำกัด ทำให้หลังกลับสู่ภาวะปกติยอดขายมีโอกาสเร่งตัวขึ้น และคาดว่าจะมีการจัดงานใหญ่ 2 งานในครึ่งปีหลังจะเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม เราจึงปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจาก 46% สู่ 47.5% เนื่องจากปี 63 อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 47.8% ส่งผลให้เราปรับเพิ่มกำไรปี 64 เพิ่มจาก 270 ลบ. สู่ 286 ลบ. เพิ่มขึ้น 6% ขณะที่เราคาดรายได้และกำไรปี 65 ที่ 1.9 พันลบ. และ 304 ลบ. เติบโต 5% และ 6% ตามลำดับ

Ø คงคำแนะนำ ซื้อ พร้อมปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 28.50 บาท: ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ระดับ 17.4 เท่า (PE Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี+1S.D.) เพิ่มขึ้นจากระดับ 12.6 เท่า (PE Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี)  เพื่อให้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของผลประกอบการ และปรับเพิ่มกำไรต่อหุ้นปี 64 จาก 1.54 บาทต่อหุ้นเป็น 1.64 บาท ได้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 19.40 เป็น 28.50 บาท ทั้งนี้ราคาที่ประเมินได้สูงกว่าราคาปิดล่าสุดเราจึงคงคำแนะนำ ซื้อ โดยคาดหวังอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4.0%ต่อปี

ความเสี่ยง : COVID-19 กลับมาระบาดรุนแรง

              : เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าแม้ปลดล็อกดาวน์จาก COVID-19