AAVปรับโครงสร้างกิจการครั้งใหญ่ ระดมทุนเสริมสภาพคล่อง เล็งดันไทยแอร์เอเชีย เข้าจดทะเบียนแทน บล.หยวนต้า ชี้ รอบนี้ได้เงินทุน 5.9 พันล้าน เดินหน้าธุรกิจต่อ บล.เอเซีย พลัส หวั่นกระทบผู้ถือหุ้นเดิมไดรูทหนัก แนะเลี่ยงลงทุน
บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ AAV เปิดเผยว่า คณะกรรมการ(บอร์ด)บริษัท มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างกิจการและทุนของบริษัทและบริษัทย่อยคือบริษัท ไทยแอร์เอเชียจำกัด (ไทยแอร์เอเชีย) เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากโควิด-19ระบาด ประกอบกับยังไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันการเงิน รวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(Soft loan) จากภาครัฐ
บริษัทได้ดำเนินการติดต่อนักลงทุน เพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงิน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่บริษัท และนำไทยแอร์เอเชียเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนAAV
นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากที่AAV ประกาศปรับโครงสร้างกิจการ โดยคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบเชิงลบทำให้มูลค่าหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมลดลง (Dilution Effect)จาก 3 ส่วน ได้แก่ 1. สินเชื่อจากกลุ่มผู้ลงทุนใหม่ จำนวนไม่เกิน 3,150 ล้านบาท ซึ่งมีเงื่อนไขสามารถแปลงหนี้เป็นทุนได้ในอนาคต
2. การปรับโครงสร้างหนี้ของเจ้าหนี้รายใหญ่บริษัท แอร์เอเชีย อินเวสเมนท์ ลิมิเต็ด มูลค่า3.9 พันล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาทางเลือกแต่หากเจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุนจะส่งผลให้เกิด Dilution Effect ต่อผู้ถือหุ้นเดิมอีกระลอกและ 3.การนำ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนของผู้ถือหุ้น AAV ลดลง
อย่างไรก็ดี การปรับโครงสร้างในครั้งนี้เป็นผลบวกที่จะทำให้กิจการมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หากเทียบกับสายการบินอื่นๆ ในตลาดหุ้น AAV ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีจากการมีแหล่งเงินทุนที่ชัดเจน โดยคาดว่าสภาพคล่องที่เข้ามาจะส่งผลให้ AAV เป็นหนึ่งในผู้อยู่รอดภายหลังวิกฤติโควิด-19
“ณ สิ้นปี 2563 สภาพคล่องของ AAV เหลืออยู่เป็นประมาณ 1,000 ล้านบาท และปัจจุบันเราคาดว่าจะเหลือน้อยมากแล้ว ซึ่งการได้สภาพคล่องใหม่เข้ามาก็จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงาน แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาหลังจากนี้คือมูลค่าของกิจการภายหลังหักลบผลกระทบว่าจะเหลืออยู่ที่เท่าไหร่”
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้หลีกเลี่ยงลงทุนAAV เพื่อรอความชัดเจนภายหลังการปรับโครงสร้างกิจการ ส่วนนักลงทุนที่มีหุ้น AAV อยู่แล้วหากรับความเสี่ยงได้สูงแนะนำถือต่อ แต่ผู้ที่รับความเสี่ยงได้จำกัดแนะนำหาจังหวะลดน้ำหนักลงทุน
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับโครงสร้างดังกล่าวไทยแอร์เอเชีย จะได้เงินทุนเพิ่ม 5.9 พันล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อใหม่ 3,150 ล้านบาท และการขาย IPO จำนวน 135 ล้านหุ้น ที่ราคา 20.3925 บาทต่อหุ้น มูลค่า 2.75 พันล้านบาท
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตราการเผาเงินทุน (Burn Rate) ประมาณ 150 ล้านบาทต่อเดือน ดังนั้น การปรับโครงสร้างกิจการเพื่อให้ได้สภาพคล่องใหม่เข้ามาเติมจะเป็นผลบวกต่อบริษัทเพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ สำหรับคำแนะนำลงทุน นักลงทุนควรพิจารณารายละเอียดให้ถี่ถ้วน เพราะกระบวนการปรับโครงสร้างยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งผลประกอบการในปี 2564 คาดว่าจะยังไม่ฟื้นตัว