นิปปอนเพนต์ปั้น‘เวเธอร์บอนด์’สานกลยุทธ์'ฟังก์ชัน-คุ้มค่า’

นายวัชระ ศิริฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นิปปอนเพนต์ เดคโคเรทีฟ โคทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสีนิปปอนเพนต์ในประเทศไทย กล่าวว่า พฤติกรรมลูกค้า ทั้งกลุ่มผู้บริโภค (B2C) และผู้ประกอบการโครงการ (B2B) อาทิ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้รับเหมา สถาปนิก ช่างสี พบว่าให้ความสำคัญกับเรื่องสีที่ทนทานในการใช้งาน และคุ้มค่ากับการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากค่าแรงถือเป็นต้นทุนสำคัญ เพื่อเจาะตลาดและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย บริษัทได้เปิดตัว “นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์” (Nippon Paint Weatherbond) สีทาภายนอก เกรดอัลตร้าพรีเมียม ที่มีการพัฒนาและปรับสูตรใหม่ด้วยเทคโนโลยีสีครบ จบ ทน (NIPPON CROSS-LINK TECHNOLOGY) ภายใต้จุดขายความครบของฟีเจอร์ที่จำเป็นต่อการใช้งาน 

นิปปอนเพนต์ ผู้ผลิตสีจากประเทศญี่ปุ่น อันดับ 1 ของเอเชีย อันดับ 4 ของโลก มีจุดแข็งของเครือข่ายทั่วโลก (Global Business Network) มีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของนิปปอนเพนต์ มุ่งพัฒนาโปรดักท์ตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญทุกงานสี (The Coatings Expert) ผ่านโซลูชั่นส์ต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสีทาบ้านหรือสีทาอาคาร อาทิ สีลอกล่อน รอยแตกลายงา การเกิดคราบด่าง คราบเกลือ

"การทาสีเกรดทั่วไป อาจต้องทาใหม่ทุก 2-3 ปี ทั้งค่าสีและค่าแรง เมื่อเทียบกับการใช้สีนิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ ทาครั้งเดียวทน 15 ปี ถือว่ามีค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนต่ำกว่าถึง 40%”

นายณรงค์ฤทธิ์ มาลัยนวล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวเสริมว่า “นิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์” ถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความครบถ้วน ครอบคลุมการใช้งานจริง ทั้งด้านฟีเจอร์การทำงานและความคุ้มค่า ด้วย 4 คุณสมบัติหลัก (4 Best) ได้แก่  Best Shield ครบจบปัญหาสีลอกล่อน ทนทานนาน 15 ปี, Best Cover ครบจบปัญหารอยแตกลายงา และป้องกันความชื้นซึมเข้าผนัง, Best Clean ครบจบปัญหาคราบสกปรกบนผนัง และ Best Reflection ครบจบปัญหาความร้อนจากจากเทคโนโลยีโซลาร์รีเฟล็กท์

บริษัทใช้งบ 5% ของยอดขายทำการตลาดเชิงรุกมุ่งสร้างแบรนด์และการรับรู้ผ่านแคมเปญโฆษณาสีนิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ ภายใต้แนวคิด “ครบที่รุ่นนี้ สีเวเธอร์บอนด์” เน้นสื่อสารเทคโนโลยีสี ครบ จบ ทน และฟังก์ชันการใช้งานครบวงจร โดยแคมเปญสีนิปปอนเพนต์ เวเธอร์บอนด์ เน้นสื่อออนไลน์เป็นหลัก และขยายการรับรู้ให้เข้าถึงผู้บริโภค ผ่านสื่อนอกบ้าน (Out of Home) ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัล บิลบอร์ด ตามจุดสำคัญต่างๆ รอบกรุงเทพฯ แหล่งชุมชน พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านทุกช่องทางจำหน่ายทั้งโมเดิร์นเทรด และตัวแทนจำหน่ายสีนิปปอนเพนต์ทั่วประเทศ

สำหรับตลาดสีทาบ้านและสีทาอาคารมีมูลค่าตลาดรวมต่อปีราว 22,000 ล้านบาท ลดลง 5-7% สำหรับสีน้ำทาบ้านและอาคาร แบ่งออกเป็นตลาดสีทาบ้านระดับบน (Premium) 3,000-4,000 ล้านบาท ปานกลาง (Medium) 4,000-5,000 ล้านบาท ประหยัด (Economy) 2,000-3,000 ล้านบาท โดยตลาดสีทาบ้านระดับบนมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาดได้อีกมาก

อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดโควิดตั้งแต่ต้นปี 2563 ทำให้ผู้บริโภคและภาคเอกชนลดการใช้จ่าย ชะลอการปรับปรุงบ้าน อาคาร โรงงาน สำนักงานต่างๆ ขณะที่โครงการขนาดใหญ่ทั้งแนวราบและอาคารสูงต่างชะลอการขึ้นโครงการใหม่ รวมถึงการล็อกดาวน์ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เชื่อว่าครึ่งปีหลังนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้น หลังการฉีดวัคซีนตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา รวมทั้งแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะช่วยให้การท่องเที่ยวกลับมาคึกคักและทำรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวม