สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ เอ็มโอยูวางกรอบใช้หนี้

 สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ เอ็มโอยูวางกรอบใช้หนี้

สหกรณ์เจ้าหนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ ทำเอ็มโอยู วางกรอบใช้หนี้ 13 ปี หลังเริ่มมีสภาพคล่องดีขึ้นพอจะทยอยชำระหนี้คืนได้

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2564 ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด (สอ.สรฟ.) กับสหกรณ์เจ้าหนี้ ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ทั้งสองฝ่ายช่วยกันแก้ไขปัญหาเพราะ สอ.สรฟ.จะเดินหน้าทำธุรกรรมทางการเงินต่อไปได้ก็ต้องอาศัยความเห็นใจจากเจ้าหนี้ ซึ่งตามข้อตกลงดังกล่าวก็หวังว่าสอ.สรฟ.จะใช้สภาพคล่องทางการเงินที่มีมาสร้างโอกาสทางธุรกิจต่อไปและสามารถชำระหนี้ได้หมดในที่สุด ขณะเดียวกันก็จะยังสามารถดำรงการเป็นสหกรณ์เพื่อช่วยเหลือสมาชิกได้ต่อไป

               

ทั้งนี้ ทางสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด (สอ.สรฟ.) ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) ชำระหนี้คืน 13 สหกรณ์เจ้าหนี้ โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์และตัวแทนสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการทำข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ยอมรับการชำระหนี้คืนแบบขั้นบันได ในระยะเวลา 13 ปี รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เจ้าหนี้ยอมลดลงจากร้อยละ 5 ลงมาเหลือร้อยละ 2 เพื่อให้ สอ.สรฟ.สามารถดำเนินกิจการของสหกรณ์และเงินมีสภาพคล่องคงเหลือนำมาชำระหนี้ได้ตามข้อตกลง ซึ่งทาง กสส.จะได้ติดตามการชำระหนี้ของสอ.สรฟ.เพื่อให้เป็นไปตามกรอบข้อตกลงที่ทำร่วมกัน

ด้าน นายประกอบ เผ่าพงศ์ ผู้ตรวจราชการกรม เขตตรวจราชการที่ 1,2 ซึ่งได้เข้าร่วม ประชุมหารือระหว่าง สอ.สรฟ.กับสหกรณ์เจ้าหนี้ กล่าวว่า ผลสรุปจากการประชุม สหกรณ์ทั้ง 13 แห่งที่เป็นเจ้าหนี้ เห็นตรงกันว่าหากให้โอกาสสอ.สรฟ. เดินหน้าต่อไปได้ ก็คาดว่าจะมีโอกาสที่จะได้รับชำระเงินเต็มจำนวน ทั้งนี้ ได้พิจารณาจากสภาพคล่องเงินสด ของสอ.สรฟ.ที่มีเงินเข้ามาเดือนละประมาณ 48 ล้านบาท หลังหักภาระในธุรกรรมของสอ.สรฟ.จะมีเงินเหลืออยู่ประมาณ 18 ล้านบาท ที่สามารถนำไปจัดสรรทำธุรกรรมทางการเงินหรือให้บริการต่อสมาชิกของสหกรณ์ได้

โดยก่อนหน้านี้สอ.สรฟ.ได้ทยอยส่งชำระหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำกัด จำนวน 130 ล้านบาท มาต่อเนื่อง คาดว่าจะหมดหนี้ในช่วง 1-2 เดือนนี้ ในขณะที่สหกรณ์เจ้าหนี้ คือ สหกรณ์ออมทรัพย์ วชิรพยาบาล จำกัด อยู่ระหว่างการบังคับคดี และสหกรณ์เจ้าหนี้เงินกู้ 4 แห่ง คือ สหกรณ์ออมทรัพย์สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์เครือโรงพญาบาลพญาไทและเปาโล จำกัด และสหกรณ์ออมทรัพย์การยางแห่งประเทศไทย จำกัด อยู่ระหว่างการฟ้องร้องและรอการไกล่เกลี่ยในชั้นศาล

ในชั้นศาล

นายปรเมศวร์ อินทรชุมุนม ประธานฯ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย   กล่าวว่า หลังจากที่สันนิบาตสหกรณ์ฯ ได้มีความพยายามหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาผลกระทบอันเกิดจากการทำธุรกรรมเงินฝากกับสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด โดยได้รับความร่วมมือจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ในการร่วมกันแก้ไขปัญหา เดินหน้าเจรจาจนสามารถทำข้อตกลงกับสหกรณ์เจ้าหนี้ได้สำเร็จเรียบร้อย

          ทั้งนี้  สหกรณ์ออมทรัพย์  15 สหกรณ์ ได้รับผลกระทบจากการทำธุรกรรมเงินฝากกับสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด เป็นเงินกว่า 2,000 ล้านบาท และเกิดการทุจริตขึ้นภายในสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ จนมีการทำบันทึกข้อตกลงระหว่างสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด กับสหกรณ์เจ้าหนี้

 เพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยและผ่อนปรนให้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ทยอยชำระคืนเงินฝาก (ปัจจุบันอัตราร้อยละ 0.7 ของต้นเงินคงเหลือ ณ วันที่ 30 เมษายน 2561 และต้องปรับเป็นร้อยละ 1 นับแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นไป) โดยเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2564

 ได้มีการเซ็นบันทึกข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากที่เคยปฏิเสธในช่วงเวลาที่ผ่านมา และทำให้สหกรณ์เจ้าหนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องค่าหนี้เผื่อสงสัยจะสูญ จนเป็นที่มาของการมาปรึกษาที่สำนักงานปรึกษาและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่สหกรณ์ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย และมีการประชุมหารือหลายครั้ง จนสามารถสรุปแก้ไขปัญหาให้สหกรณ์เจ้าหนี้ทั้งหมด ยอมปรับลดจำนวนเงินต้นที่ต้องชำระต่องวดลง (ทั้งเงินกู้และเงินฝาก) และปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด มีความสามารถในการใช้หนี้

          “สันนิบาตสหกรณ์ฯ ไม่ทิ้งสหกรณ์ใด สหกรณ์หนึ่งไว้ข้างหลัง ได้พยายามช่วยเหลือบรรดาสหกรณ์เจ้าหนี้ 15 สหกรณ์ และสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด โดยพิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว อาจจะทำให้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ฟื้นตัวและมั่นคงในระยะยาว และสหกรณ์เจ้าหนี้สามารถได้รับเงินคืนเต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ย โดยบันทึกข้อตกลงดังกล่าวดำเนินการภายใต้การส่งเสริมและสนับสนุนของกรมส่งเสริมสหกรณ์และสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย เพื่อประนีประนอมและแก้ปัญหาบนพื้นฐานของความสามารถที่จะชำระหนี้ได้ต่อไป”

 

 สำหรับรายละเอียดในข้อตกลงร่วมกันนั้น ได้มีการระบุระยะเวลาชำระต้นเงินและดอกเบี้ยปัจจุบันตั้งแต่ปี 2564-76 (รวมประมาณ 13 ปี) แยกเป็นหนี้เงินกู้ (4 สหกรณ์เจ้าหนี้) และหนี้เงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยที่จะมีการเรียกเก็บแบบขั้นบันได ทั้งในเอ็มโอยูยังกำหนดให้มีการทบทวนแผนทุก 3 เดือน และ 6 เดือน เพื่อทบทวนสถานะทางการเงินของ สอ.สรฟ. ด้วย