STEC - ซื้อ

STEC - ซื้อ

กำไรปีนี้จะโตจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น

Event

ประชุมนักวิเคราะห์

lmpact

คาดว่าสถาบันกรรมการไทย (IOD) จะกลับมาประเมินคะแนน CG ของบริษัทในปี 2564

IOD ระงับการประเมินคะแนน CG ของ STEC ชั่วคราวในปี 2563-64 แต่เนื่องจาก ปปช. ไม่ได้ส่งฟ้อง STEC และ CEO ของบริษัทเนื่องจากไม่มีหลักฐานเพียงพอ บริษัทจึงยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการไปที่ IOD เพื่อขอให้กลับมาประเมินคะแนน CG ของบริษัทอีกครั้งในปี 2564

มียอด Backlog ในมือ 1.08 แสนล้านบาท และมีโครงการภาครัฐจ่อคิวประมูลอีกเพียบในปี 2564

ในปัจจุบัน STEC มียอด backlog อยู่ที่ 1.08 แสนล้านบาท (รวมโครงการมูลค่า 3 หมื่นล้านบาทที่จะเซ็นสัญญาใน 1H64 แล้ว) ผู้บริหารคาดว่าจะมีหลายโครงการที่จะเดินหน้าเข้าสู่ขั้นตอนของการประมูล อย่างเช่น i) รถไฟทางคู่สองเส้นทาง (เด่นชัย - เชียงราย – เชียงของ และ บ้านไผ่ – นครพนม) ii) รถไฟฟ้ าสายสีส้มตะวันตก iii) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และ iv) โครงการขยายสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ สำหรับงานที่กำลังรอเซ็นสัญญาอยู่ได้แก่ i) คลองผันน้ำอยุธยา (3.4 พันล้านบาท), ii) เมืองสนามบินอู่ตะเภา เฟส I (2.7 หมื่นล้านบาท) ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดว่าจะได้ backlog ใหม่เพิ่มอีก 4 หมื่นล้านบาท

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564-65 ขึ้นอีก 11.6% และ 5.8% จากอัตรากำไรขั้นต้นและรายได้

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-65 ขึ้นอีกจาก i) การปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นปี นี้จากเดิม 4.6% เป็น 5.0% เพราะบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นเอาไว้ได้ที่ 5.0% ใน 2H63 (ผู้บริหารตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เอาไว้ที่ 5.0% เช่นกัน) ii) การรวมโครงการที่เพิ่งเซ็นสัญญา (ศูนย์ราชการโซน C มูลค่า 5.8 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างใน 2H64) เข้ามาไว้ในประมาณการ ทั้งนี้ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2564 ไว้ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ปรับใหม่ของเรา

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 18.50 บาท อิงจาก PER ที่ 23.8x โดยเลือก STEC เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เราคิดว่าประเด็นที่ตลาดกังวลเกี่ยวกับค่าปรับในโครงการก่อสร้างอาคารของรัฐบาลไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะถึงที่สุดแล้วบริษัทน่าจะได้ต่อสัญญาอีก 150 วัน
โดยไม่มีค่าปรับเกิดขึ้น

Risks

งานก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด, ขาดแคลนแรงงาน และวัสดุก่อสร้างแพงขึ้น