BDMS - ซื้อ

BDMS - ซื้อ

คาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2564F

Event

ประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศงบ 4Q63, ปรับประมาณการกำไร และขยับไปใช้ราคาเป้าหมายใหม่

lmpact

ได้ผ่านช่วงที่ผลการดำเนินงานเลวร้ายที่สุดไปแล้วในปี 2563

บริษัทเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในไทยนับจากช่วงกลาง 1Q64 (หลังการระบาดระลอกสองของ COVID-19) แม้ในระยะสั้น เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ BDMS ใน 1Q64 จะแผ่วลง YoY เนื่องจากผลการดำเนินงานใน 1Q63 แข็งแกร่ง โดยมีกำไรปกติถึง 2.34
พันล้านบาท (+28.9% YoY, +12.7 QoQ) ทั้งนี้ BDMS ออกแพ็คเกจตรวจสุขภาพที่ราคา 990 บาท (อย่างน้อย 70,000 ราย โดยใช้สิทธ์ิได้ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2564) ซึ่งคิดเป็นมยอดขายประมาณ 70-80 ล้านบาท เราคิดว่าจะเป็นโอกาสดีที่จะดึงผู้ป่วยชาวไทยมาใช้บริการเพิ่มขึ้น และจะช่วยหนุนให้อัตรา
utilization rate โดยรวมซึ่งในช่วง 4Q63 ต่ำเพียงแค่ 50% ของ capacity เท่านั้น โครงสร้างผู้ป่วยใน 4Q63 แบ่งเป็นผู้ป่วยชาวไทย 79% และต่างชาติ 21% (ปกติจะอยู่ที่ 70:30) ขณะที่สัดส่วนผู้ป่วยนอกคิดเป็น 47% และผู้ป่วยใน 53% ทั้งนี้ สัดส่วนผู้ป่วยชาวไทยที่เพิ่มขึ้นจะช่วยให้บริษัทมีรายได้และ margin เพิ่มขึ้นในช่วง 1H64 ก่อนที่กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติจะกลับเข้ามาใช้บริการอย่างมีนัยสำคัญใน 2H64

แนวโน้มของ BDMS ในปี 2564 ดูดีขึ้น YoY

เราชอบกลยุทธ์ธุรกิจหลักของบริษัทในปี 2564 ได้แก่ i) เพิ่มรายได้ด้วยการขยายฐานลูกค้าทั้งในส่วนของลูกค้าธุรกิจโรงพยาบาล และธุรกิจที่ไม่ใช่โรงพยาบาลโดยกำหนดราคาที่เข้าถึงได้ ii) เพิ่มอัตรา utilization โดยตั้งเป้าระยะยาวไว้ที่ 40-45% จากแค่ 32% ในปี 2563 iii) ใช้นวัตกรรมโดยส่งเสริม ecommerce,การพัฒนานวัตกรรมด้านดิจิทัล และการใช้ application ด้านสุขภาพ iv) สร้างประสิทธิภาพในการติดตามดูแลต้นทุน และการควบคุมต้นทุน v) การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยยึดหลัก ESG

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้นอีก 6.8%

BDMS ไม่ได้กำหนดเป้าการเติบโตของรายได้อย่างชัดเจนในปี 2564 ขณะที่เราคาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะโต 9% YoY (2x ของ GDP ประเทศไทย และคาดว่าผู้ป่วยต่างชาติที่บินมาใช้บริการจะกลับมา) ทั้งนี้ เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2564F ขึ้น 6.8% เป็น 7.08 พันล้านบาท (+48.0% YoY) เนื่องจาก i) บริษัทคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีเกินคาดมาตั้งแต่ 2Q63 ii) อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวขึ้น YoY เป็น 30.5% (จาก 28.8% ในปี 2563) และ iii) อัตราภาษีจ่ายจริงในปีนี้ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 26.30 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.0% และTG ที่ 2.0%) จากเดิม 25.90 บาท

Risks

COVID-19 ระบาด, ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่, เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่