อสังหารุกต่อ ศุภาลัยผุด31โครงการ เรียลแอสเสทเบนเข็มซื้อกิจการ

อสังหารุกต่อ ศุภาลัยผุด31โครงการ  เรียลแอสเสทเบนเข็มซื้อกิจการ

ภาพรวมอสังหาฯ ปี 2564 ยังคงชะลอตัวทว่าในมุมของผู้ประกอบการรายใหญ่ อย่าง “ศุภาลัย” และขนาดกลางอย่าง “เรียลแอสเสท”กลับมองว่าคือ ‘โอกาส’ สำหรับการนำเสนอโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องที่อยู่อาศัยที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และกำลังซื้อ เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปีนี้วางกลยุทธ์ก้าวไปข้างหน้า..เติบโตอย่างผู้นำ และยั่งยืน ทั้งด้านรายได้ และกำไร โดยตั้งเป้ายอดขาย 27,000 ล้านบาท รายได้ 28,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นนิวไฮในรอบ 32 ปี ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ 31 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 27 โครงการ ในกรุงเทพฯ 11 โครงการ ต่างจังหวัด 16 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ อยู่ในกรุงเทพฯ 3 โครงการ ต่างจังหวัด 1 โครงการ มูลค่ารวม 34,000 ล้านบาท และวางงบประมาณการจัดซื้อที่ดิน 8,000 ล้านบาท

“การเปิดตัวโครงการจำนวนมากเป็นการยูทิไลซ์ อีโคโนมีออฟสเกล ซึ่งเป็นจุดแข็งของศุภาลัยที่เราสามารถทำโครงการหลากหลายทำเล สามารถซื้อของได้ในราคาถูกและนำส่วนลดคืนให้ลูกค้าในราคาขายที่ดี”

ไตรเตชะในช่วงเวลาแบบนี้ ‘อีโคโนมีออฟสเกล’ สร้างความได้เปรียบและสร้างแวลูให้กับลูกค้าได้เป็นประโยชน์ของการมีสินค้าที่หลากหลายเซกเมนต์ทั้งระดับบน กลางและล่าง ทั้งแนวสูงและแนวราบที่กระจายทั่วประเทศ ซึ่งในปีนี้สัดส่วนต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นถึง 37% แม้ว่าตลาดอสังหาฯ ในปี 2563 จะติดลบถึง 30% แม้แต่ตลาดแนวราบก็ติดลบเช่นกันส่วนตลาดคอนโดลบไปกว่า 40%

จากการประเมินสถานการณ์ เชื่อว่า ตลาดอสังหาฯผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และปีนี้เริ่มมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จาก 1.“วัคซีน” ที่จะช่วยฟื้นการท่องเที่ยวที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และ 2. อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก

“เป็นปีที่เหมาะสมในการซื้ออสังหาฯ เพราะทุกอย่างเริ่มมีแนวโน้มกลับมาทั้งกำลังซื้อ อารมณ์ซื้อ ถ้าล้อนช์โครงการในทำเลที่เหมาะสมจะขายได้โดยเฉพาะตลาดแนวราบมีโอกาสที่กลับมาได้ดีกว่าตลาดคอนโด”

แม้ว่าสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ยังไม่ฟื้นตัว แต่มองว่ากำลังซื้อแม้หายไปบ้างจากโควิดระลอกใหม่ แต่จะค่อยๆ กลับมาดีขึ้นได้ และแนวโน้มการเปิดตัวโครงการใหม่ยังมีน้อย ทำให้การแข่งขันไม่รุนแรง จึงเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทที่มีสินค้าที่หลากหลายในแต่ละพื้นที่ ขณะเดียวกันบริษัทพยายามทำเซกเมนต์ให้กว้างขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ใหม่

บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจถดถอย หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ยอดการปฏิเสธสินเชื่อสูง ทำให้ปีที่ผ่านมาเปิดตัวโครงการลดลง และเมื่อเกิดโควิดระลอกใหม่ทำให้ครึ่งปีแรกปีนี้ ดีเวลลอปเปอร์ส่วนหนึ่งเริ่มชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ หันมาระบายสต็อกสินค้าเพิ่มสภาพคล่อง ในส่วนของบริษัทเน้นกลยุทธ์การเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการเข้าซื้อกิจการ

โดยปลายปีที่ผ่านได้เทคโอเวอร์ “เมกา สเปซ1&2” จาก บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นคอนโดไฮไรส์ 2 อาคาร 2,329 ยูนิต มูลค่า 4,300 ล้านบาท คาดว่าจะทำกำไรได้ 900 ล้านบาท โดยตึกแรกจะโอนได้ภายในปีนี้และตึกที่ 2 โอนได้ใน 2-3 ปี

“ วิกฤติโควิดทำให้เรามีโอกาสที่ซื้อโครงการที่มีศักยภาพทำให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดแทนการลงทุนซื้อที่ดินมาพัฒนาโครงการเองซึ่งต้องใช้เวลา 2-3 ปี ดังนั้นในปีนี้เราจึงเปิดกว้างที่จะซื้อกิจการในโครงการแนวสูงและแนวราบทุกรูปแบบ เพื่อผลักดันให้เกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดด คาดว่าจะได้บทสรุปไตรมาสแรกหรือไตรมาส 2”

ส่วนแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้มี 4 โครงการ มูลค่า 4,660 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 3 โครงการ มูลค่า 2,510 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 2,150 ล้านบาท ซึ่งจะใช้กลยุทธ์ราคาเข้ามาช่วย

“เรายอมที่จะลดราคาแม้กำไรจะลดลง เพราะภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ต้องปรับตัวตามสถานการณ์ดีกว่าฝืน”

ส่วนภาพรวมปีนี้คาดยอดขาย 2,350 ล้านบาท เติบโต 15% ยอดโอน/รายได้ 2,970 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 1,065 ล้านบาทคอนโด 1,905 ล้านบาท และตั้งเป้าปี 2567 จะสร้างรายได้ 4,000 ล้านบาท และยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog)ระหว่างปี 2564-2567 จำนวน 5,660 ล้านบาท