'อรรถพล' มั่นใจ OR หนุน ปตท.ระยะยาว แนะดูปัจจัยพื้นฐานก่อนจองหุ้น

'อรรถพล' มั่นใจ OR หนุน ปตท.ระยะยาว แนะดูปัจจัยพื้นฐานก่อนจองหุ้น

“อรรถพล” มั่นใจ “โออาร์” กระจายหุ้นช่วยหนุนผลดำเนินงานระยะยาวของ ปตท.ไม่ห่วงสัดส่วนถือหุ้นลดลง แนะนักลงทุนดูปัจจัยพื้นฐานธุรกิจก่อนตัดสินใจจองหุ้น ชูจุดแข็งยึดเบอร์ 1 ธุรกิจน้ำมัน-นอนออยล์

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ส่งผลให้ ปตท.ลดสัดส่วนการถือหุ้นในโออาร์ลงเหลือ 75% จากเดิมถือทั้ง 100% แต่ ปตท.เชื่อมั่นว่าสัดส่วนการถือหุ้นที่หายไป 25% จะไม่ส่งผลกระทบต่อผลดำเนินงานของ ปตท.

ขณะเดียวกันยังได้รับโอกาสจากการที่โออาร์ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ 4-5 หมื่นล้านบาท ไปต่อยอดขยายธุรกิจให้เติบโตมากขึ้นอีกหลายเปอร์เซ็นต์ ฉะนั้น หากเทียบจากขนาดการเติบโตทางธุรกิจของโออาร์ในปัจจุบัน กับธุรกิจที่จะเติบโตขึ้นอีกในอนาคต ก็เชื่อมั่นว่า ปตท.จะได้รับประโยชน์จากขนาดธุรกิจที่จะเติบโตขึ้นอีกในอนาคต

“หากย้อนดูตอนที่ ปตท.ยังไม่เข้าระดมทุนก็มีมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังถือหุ้น ปตท.ตอนนั้น 100% แต่เมื่อเข้าตลาดฯ แล้ว สัดส่วนหุ้นที่กระทรวงการคลังถือในปตท.ลดลงเหลือ 51% บวกกับกองทุนวายุภักษ์ รวมเป็นกว่า 60% แต่มูลค่าธุรกิจ ปตท.ปัจจุบันอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านขึ้นไป หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็มากกว่าที่ถืออยู่เดิมมาก”นายอรรถพล กล่าว

ทั้งนี้ กลยุทธ์การเติบโตของโออาร์หลังจากเข้าระดมทุนแล้วจะมุ่งขยายการเติบโตใน 3 ธุรกิจหลัก คือ 1.ธุรกิจน้ำมัน 2.ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น (Non-Oil) และ 3.ธุรกิจต่างประเทศ

ทั้ง 3 ธุรกิจหลักจะเติบโตขึ้น แต่ที่จะเห็นการเติบโตมากขึ้นจะเป็นธุรกิจ Non-Oil และธุรกิจต่างประเทศ โดยจะใช้ศักยภาพของโออาร์เข้าไปหาโอกาสลงทุนในตลาดอาเซียนและจีนมากขึ้น ซึ่งในธุรกิจ Non-Oil ต่อไปก็จะเห็นโอกาสการทำดีลควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) และการร่วมลงทุน (Joint Venture) กับพันธมิตรท้องถิ่นในต่างประเทศมากขึ้น

สำหรับกรณีนักลงทุนกังวลว่าหลังการขายหุ้น IPO ของโออาร์แล้ว อาจส่งผลให้ราคาหุ้นขึ้นไปติดดอยเหมือนหุ้น IPO ที่ซื้อขายในตลาดหุ้นช่วงปลายปี 2563 นั้น

ส่วนการเข้าซื้อขายหุ้นโออาร์แล้วก็ต้องปล่อยให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวขึ้นลงเป็นไปตามสภาวะของตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นจริง แต่ ปตท.ในฐานะบริษัทแม่อยากแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ ซึ่งโออาร์มีส่วนแบ่งการตลาดทั้งธุรกิจน้ำมันกว่า 40% เป็นอันดับที่ 1 ของตลาด และธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นอันดับ 1 เช่นกัน

อีกทั้งสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 25% หรือกว่า 3,000 ล้านบาท นับว่ามีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในตลาดเช่นกัน