แม้อาจผันผวนระยะสั้น แต่ภาพระยะกลาง-ยาวยังเป็นบวกและสนับสนุนการเก็งรายตัว

แม้อาจผันผวนระยะสั้น แต่ภาพระยะกลาง-ยาวยังเป็นบวกและสนับสนุนการเก็งรายตัว

ผลการประมูลพันธบัตรสหรัฐฯ ยังสนับสนุนมุมมองเชิงบวกต่อตลาด

การประมูลพันธบัตรสหรัฐฯ 10ปี ขนาด 38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้รับกระแสตอบรับที่ดี โดยความต้องการประมูล (bid-to-cover ratio) อยู่ที่ 2.50 เท่า สูงกว่า การประมูล 6 ครั้งก่อนหน้าที่ 2.35 เท่า ซึ่งส่งสัญญาณว่านักลงทุนเริ่มมองการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ จากนี้น่าจะเริ่มจำกัด อย่างไรก็ตาม ตลาดระยะสั้นอาจผันผวนจากเงินทุนบางส่วนที่ไหลกลับเข้าตลาดตราสารหนี้เพื่อเก็งกำไรการดำเนินนโยบายของเฟด เกี่ยวกับการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ แต่ไม่กระทบมุมมองระยะกลาง-ยาวที่เรายังคงมองบวกต่อกรลงทุนในตราสารทุน

SET Index ควรอยู่ที่เท่าไหร่หากไม่นับหุ้นการขึ้นที่มาจากหุ้น Free float ต่ำ? ตั้งแต่สิ้นต.ค.63 SET Index ปรับขึ้นมา 344.90 จุด หรือ 28.86% โดยได้รับผลดีจากหุ้นที่มี Free float ต่ำประมาณ ¼ ของดัชนีที่เพิ่มขึ้น หรือประมาณ 94 จุด (DELTA 62, AOT 13, BAY 10, KTC 9 จุด) ซึ่งอาจแปลได้ว่าหากไม่นับรวมหุ้นเหล่านี้ SET Index ปัจจุบันควรจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 1450+/- จุด อย่างไรก็ตามระดับดังกล่าวเป็น worst case ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากปัจจัยบวกของราคาน้ำมันดิบ และผลประกอบการกลุ่มพลังงาน ไฟฟ้า และปิโตรเคมี ที่เป็นบวก ทำให้จะมีปัจจัยหักล้างแรงฉุดที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการควบคุม/ดูแลหุ้น free float ต่ำ

รัฐบาลเตรียมออกมาตรการเยียวยาผลกระทบโควิดเบื้องต้น ได้แก่ค่าน้ำค่าไฟฟรี 2 เดือน (ก.พ.-มี.ค., เงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ 3,500 บาท ไม่เกิน 2 เดือน) และนโยบายอื่นๆ ซึ่งเรามองเป็นปัจจัยบวกทางจิตวิทยาในการรักษากำลังซื้อที่หายไป แต่ยังไม่เห็นกลุ่มที่ได้ผลบวกชัดเจน ขระที่ธปท.แถลงข่าวมาตรการณ์เยียวยา ไม่มีมาตรการใหม่ เป็นเพียงการต่ออายุมาตรการเดิมออกไปจนถึงมิ.ย.64 ซึ่งสถาบันการเงินจะได้รับประโยชน์จากการไม่ต้องรายงานตัวเลขหนี้เสียของลูกหนี้ที่ขอหยุดชำระ

คงมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมตลาดในระยะกลาง-ยาว. แม้ตลาดอาจผันผวนจากความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวที่บิดเบือนภาพดัชนี แต่มีผลต่อหุ้นรายตัวในธีมลงทุนหลักที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่มากนัก โดยเรายังคงมองบวกในหุ้นกลุ่ม พลังงาน, ปิโตรฯ, และการแพทย์ มากกว่าตลาด  ระยะสั้นคาดกลุ่มโรงไฟฟ้าและหุ้นปลอดภัยมีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดี แต่ให้ระวังการถูกทยอยลดน้ำหนักการลงทุน เพื่อหมุนเข้ากลุ่มที่อิงการฟื้นตัวเศรษฐกิจในระยะถัดไป

ภาพรวมกลยุทธ์ ระยะสั้นระวังแรงทำกำไรลดความร้อนแรง แต่ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ ภาพระยะกลาง-ยาว และกลยุทธ์เลือกรายตัว โดยเน้นซื้อในเชิงตั้งรับ และหากมีการปรับลงแรง ติดตามคุณภาพลูกหนี้ และหนี้เสียจากการประกาศงบกลุ่มธนาคาร 14-21 ม.ค. // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร SCGP*, AMA*, ETC*. PTG*

แนวรับ 1,520 จุด / แนวต้าน : 1,550 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

 

ประเด็นการลงทุน

จีนออกกฎหมายตอบโต้สหรัฐ. ปกป้องบริษัทจีนจากกฎหมายต่างชาติที่ไม่เป็นธรรมและอนุญาตให้ศาลจีนสามารถออกคำสั่งให้บริษัทหรือประชาชนในจีน ไม่จำเป็นต้องทำตามข้อจำกัดของต่างชาติ

แบงก์ชาติไฟเขียวอุ้มลูกหนี้. แบงก์ชาติขยายเวลาช่วยลูกหนี้รายย่อยจากพิษโควิดระลอกใหม่ถึง 30 มิ.ย. 64 พร้อมหนุนปรับโครงสร้างลูกหนี้ทุกประเภท

คลังเตรียมเปิดลงทะเบียนคนละครึ่งรอบใหม่. คลังเตรียมเปิดลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งรอบใหม่ รวม 1 ล้านสิทธิ จากรอบแรกที่มีสิทธิคงเหลือ 5 แสนสิทธิโดยจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในสัปดาห์หน้า (19 ม.ค.)

JMT – หุ้นเพิ่มทุนของ JMT เริ่มซื้อขาย 13 ม.ค.64

Free float ต่ำ – ก.ล.ต.ประสานตลท.ให้ทบทวนเกณฑ์เกณฑ์ free float และมาตรการคุ้มครองผู้งทุน

ประเด็นติดตาม: - 13 ม.ค. : US CPI เดือน ธ.ค.// 14 ม.ค. : US Beige Book / Chinese Trade Balance// 15 ม.ค. : US Industrial Production เดือน พ.ย. // 21 ม.ค. : ECB meeting // 27 ม.ค. – ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)