ERW - ถือ

ERW - ถือ

ฟื้นตัวช้า

คาด ERW จะขาดทุน 409ลบ. ใน 4Q20F (เทียบกับ 3Q20 ขาดทุน 514ลบ.) จากการฟื้นตัวที่จำกัดของอัตราการเข้าพักและผลจากการประหยัดต่อขนาดลดลง เนื่องจากต้นทุนคงที่ยังสูง โดยเราคาดว่ารายได้ของ ERW ใน 4Q20 จะอยู่ที่ 598ลบ. (-64% yoy, +50% qoq) โรงแรม Hop-Inn จะยังคงเป็นโรงแรมที่เด่นที่สุดโดยมี Revpar ฟื้นขึ้นมาในระดับทรงตัวได้ เทียบกับโรงแรมอื่นที่ยังมีการเติบโตติดลบในระดับสองหลัก เนื่องจากการไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ว่ายังมีภาพการขาดทุน เราเชื่อว่า valuation ERW ที่ 2.6x FY21F P/BV (ที่ระดับปี 2019) รวมกำไรที่อ่อนแอไปแล้ว ดังนั้นเราคงคำแนะนำ ถือ

 

คาด 4Q20F จะยังขาดทุนเนื่องจากการไม่มีการประหยัดจากขนาด

เราคาดว่า ERW จะรายงานขาดทุนหลักใน 4Q20F ที่ 409ลบ. ลดลงอย่างมากจากกำไร 200ลบ. ใน 4Q19 แต่ฟื้นตัวจากขาดทุน 3Q20 ที่ 514ลบ. ปัจจัยกดดันหลักต่อผลกำไรมาจาก 1) การลดลงของยอดขายจากการฟื้นตัวที่จำกัดของอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่ไม่ใช่ Hop Inn ที่ 23-28% และค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 44% เทียบกับ Hop Inn ที่ 75% ในไตรมาสที่ผ่านมา 2). การประหยัดต้นทุนที่จำกัดและต้นทุนคงที่ที่สูงโดยธรรมชาติ (ค่าเสื่อมราคาและเงินเดือน) ได้ทำให้สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึนสู่ 42.7% ใน 4Q20 (เทียบกับระดับปกติเฉลี่ยที่ 24%)

 

นักท่องเที่ยวภายในประเทศสร้างการฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย

เราคาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรม ERW จะอยู่ที่ 598ลบ. (-64% yoy และ +50% qoq) ประเด็นกดดันหลักมาจากการขาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในขณะที่นักท่องเที่ยวภายในประเทศสร้างการฟืนตัวของอัตราเข้าพักเพียงเล็กน้อยขึ้นสู่ 44% ใน 4Q20 (34% 3Q20, 77% 4Q19) นำโดย Hop Inn ที่มีอัตราการเข้าพักใน 4Q20 ที่ 75% (+1% YoY, +8% QoQ) ในอีกแง่หนึ่งอัตราการเข้าพักของโรงแรมหรูยังคงตามหลังที่ช้ากว่าที่ 23% ใน 4Q20

 

ความเสี่ยงที่การเปิดเมืองจะล่าช้าไปยัง 2H21F

ในขณะที่การแจกจ่ายวัคซีนทั่วโลกทำให้การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยเริ่มขึ้นได้หลังจากที่รอมานาน  แต่เราได้เห็นว่าการระบาดรอบที่ 2 ของ COVID-19 ได้ทำให้เซนติเมนท์การท่องเที่ยวในประเทศในระยะสั้นแย่ลงและอาจทำให้การเปิดประเทศล่าช้าออกไปอีกจนถึง 2H21F จาก valuation ของ ERW ที่ 2.6x P/BV FY21F (ระดับในปี 2019) เราคงคำแนะนำ ถือ