ลุ้นขึ้นต่อ

ศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นปิดปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องกว่า 22 จุด คล้ายกับตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ หลังจากสภาคองเกรสสหรัฐประกาศรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโจ ไบเดนอย่างเป็นทางการ
ประกอบได้แรงหนุนจาก Blue wave ช่วยให้ fund flow มีแนวโน้มไหลเข้าตลาด Emerging market มากขึ้น โดยดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,536.44 จุด +22.66 จุด +1.50% มูลค่าการซื้อขาย 1.25 แสนลบ. ต่างชาติ +4,542.48 ลบ. TFEX +6,150 สัญญา ตราสารหนี้ -1,424 ลบ. โดยทั้งสัปดาห์ตลาดปรับตัวขึ้น 87.09 จุด หรือ +6%
ปัจจัยบวก
+ดัชนีดาวโจนส์ปิด +56.84 จุด +0.18% ขานรับความหวังสหรัฐออกมาตรการกระตุ้นศก.เพิ่มเติม ในรอบสัปดาห์ DJIA +1.61% S&P500 +1.83% Nasdaq +2.43% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้น 4 สัปดาห์ติดต่อกัน
+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +$1.41 +2.8% ปิด $52.24 ต่อบาร์เรล ได้แรงหนุนจากซาอุฯสมัครใจปรับลดการผลิตน้ำมัน และรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงเกินคาด ในรอบสัปดาห์น้ำมัน WTI +7.7%
+IMF คาดเศรษฐกิจจีนปีนี้ขยายตัว 7.9% หลังคุมโควิดระบาดได้
+วัคซีนทั่วโลกมีความคืบหน้า อียูท้าข้อตกลงซื้อวัคซีนโควิดจากไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคอีก 300 ล้านโดส ในไทยสธ.เล็งขึ้นทะเบียนวัคซีนวันวาเลนไทน์ พร้อมฉีดปลายเดือนม.ค. เน้นกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงวัย
+เงินบาทวันนี้เปิดตลาด'อ่อนค่า' ที่ 30.12บาทต่อดอลลาร์กังวลภาพรวมเศรษฐกิจและการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ
ปัจจัยลบ
-"จอห์น ฮอปกินส์" เผยยอดติดเชื้อโควิดทั่วโลกทะลุ 90 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 1.9 ล้านราย ในประเทศไทยพบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ใน 58 จังหวัดต่อเนื่องมียอดผู้ติดเชื้อทะลุ 1 หมื่นราย เสียชีวิต 67 ราย
-สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 140,000 ต้าแหน่งในเดือนธ.ค. สวนทางคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.63
-ผลสำรวจความเห็น 200 ซีอีโอ กังวลต่อการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ค้านล็อกดาวน์ทั้งประเทศหวั่นทุบเศรษฐกิจพัง
-ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลดลง 6.10 จุด -0.17%
+ดัชนีนิกเกอิปิดพุ่งขึ้น 648.90 จุด +2.36% วันนี้ปิดทำการเนื่องในวันฉลองบรรลุนิติภาวะ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ จากการคาดการณ์ว่าสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นกระเศรษฐกิจเพิ่มเติม ภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ของนายโจ ไบเดน ประกอบกับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องคาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,520-1,550 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นได้ประโยชน์จากการ Work from home : ADVANC DTAC TRUE JAS COM7 SIS SYNEX VCOM IIG AS YGG
• Defensive และได้ผลดีจากนโยบายไบเดน : BGRIM GPSC
• Laggard play : ADVANC INTUCH BBL
• Value play : STANLY IRC TSC JUBILE XO BIZ SKN LALIN HARN
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC BDMS CPALL KBANK PTTGC
หุ้นรายงานพิเศษ
ACE ซื้อเก็งกำไร (IAA Consensus 5 บาท)
•ปัจจุบัน มีโรงไฟฟ้าที่ COD แล้วกำลังการผลิต 245.91 MW (โรงไฟฟ้ากระบี่ 6 MW COD 28 ธ.ค. 63โดยให้ดำเนินการนำร่องก่อน 150 MW (Quick win 100 MW)
•ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/63 มีรายได้จากการขายและบริการ 1,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5%YoY และเพิ่มขึ้น 3.8% QoQ ขณะที่กำไรสุทธิ 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80%YoY และเพิ่มขึ้น 64%QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เราได้ปรับปรุงและพัฒนาการบริหารจัดการเครื่องจักร และการควบคุมต้นทุนการผลิต นอกจากนี้มีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล 1 โครงการจาก 3 โครงการ(กำลังการผลิต 26.9 MW)ที่ซื้อมาในเดือน ส.ค. 63 โดยอีก 2 โครงการอยู่ระหว่างปรับปรุงประสิทธิภาพซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายใน 4Q63
•ความเห็น เราคาดว่าผลประกอบการจะเริ่มเติบโตตั้งแต่ 4Q63 จากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 แห่งที่ซื้อมาเดือนส.ค. 63 และรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะที่กระบี่ตามที่กล่าวไปข้างต้น นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 204 MW ซึ่งจะทยอย COD ในปี 64 นี้ เราจึงแนะนำ ซื้อสะสม
หุ้นมีข่าว
(+) SSP (Bloomberg Consensus 11.01 บาท) ลั่นเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 15-20% จากปี 63 หลังมีแผน COD โรงไฟฟ้า 2 โครงการ กำลังผลิตรวม 68 MW จากปัจจุบัน COD แล้ว 143 MW ขณะที่ซุ่มเจรจาดีลลงทุนพลังงานทดแทนในต่างประเทศอีก 50 MW จ่อสรุปไตรมาส 2/64 (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) GULF (Bloomberg Consensus 39.72 บาท) ปักธงปีนี้รายได้พุ่งกระฉูด 5.4-5.5 หมื่นล้านบาท หลังมั่นใจโควิด-19 ไม่กระทบแผน COD โรงไฟฟ้า GSRC ยูนิต 1-2 รวม 1,250 MW และทยอย COD วินด์ฟาร์ม Makong ที่เวียดนามอีก 128 MW ภายในปีนี้ แถมบุ๊กรายได้เต็มปีวินด์ฟาร์มโครงการ BKP2 ที่เยอรมนี นอกจากนี้เตรียมแผนรับมือราคา Spot LNG พุ่ง 12 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) CPW (Bloomberg Consensus - บาท) รับกระแส "Work From Home" กลับมาดันยอดขายมือถือ-ไอแพดพุ่ง บิ๊ก "ปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข" ลั่นปี 2564 ผลงานโตต่อเนื่องจากปี 2563 รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว-สินค้าใหม่หนุน แถมเล็งปั้น 4-6 สาขาใหม่ รุกช่องรับทรัพย์เพิ่ม ด้านโบรก แนะ "ซื้อ" เคาะเป้า 3.06 บาท ดีดลูกคิด Q4/2563 ฟอร์มแจ่ม (ที่มา ทันหุ้น)
(+) NRF (Bloomberg Consensus - บาท) เพิ่มเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุนเป็น 508.8 ล้านบาท เล็งเห็นโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ ภายใต้แบรนด์ Prime Labs ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ด้าน Functional ชั้นนำที่ขายอยู่บนแพลตฟอร์ม Amazon.com ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีเกินคาด (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตา
ในประเทศ
12 ม.ค. ประชุมครม.พิจารณามาตรการเยียวยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการทางการเงิน ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เกี่ยวกับการพักหนี้และการออกสินเชื่อเพื่อเติมทุน เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกใหม่ โดยเฉพาะใน 28 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด
สัปดาห์ที่ 2 หุ้นธนาคารส่งงบการเงินประจำปี 63
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน
สภาผู้ส่งออกแถลงสถานการณ์การส่งออก
29 ม.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
3 ก.พ. ประชุมกนง.นัดแรก
ต่างประเทศ
11 ม.ค. จีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค.
12 ม.ค. ญี่ปุ่น เปิดเผยดุลบัญชีเดินสะพัด
สหรัฐ เปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนธ.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ย.
อียูเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.
สหรัฐเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)(เช้าวันที่ 14 ม.ค.)
14 ม.ค. ญี่ปุ่นเปิดยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนพ.ย.
จีนเปิดเผยดุลการค้าเดือนธ.ค.
ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนธ.ค. ยอดขายรถเดือนธ.ค. ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนธ.ค.
สหรัฐ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนธ.ค.







