ตลาดจับตาแนวทางควบคุมโควิดของศบค.วันนี้

ตลาดจับตาแนวทางควบคุมโควิดของศบค.วันนี้

ประเมินแนวทางควบคุมโควิดแบบแบ่งโซนสีเป็นบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่ ซึ่งล่าสุดพบผู้ติดเชื้อแพร่กระจายถึง 31 จังหวัด ทำให้ศบค.จะประชุมพิจารณาแนวทางในการควบคุมดูแลการระบาด ซึ่งคาดว่าจะไม่ใช่มาตรการปิดเมืองแบบเหวี่ยงแหทุกพื้นที่ทั้งประเทศ แต่จะเป็นการใช้มาตรการควบคุมที่มีความเข้มข้นแบ่งตามโซนสี (แดง, ส้ม. เหลือง และเขียว) ซึ่งจะมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิต, การปิดสถานประกอบการ และการห้ามเดินทางและเคลื่อนย้ายในระดับที่แตกต่างกัน พื้นที่สีแดง ได้แก่ สมุทรสาคร ขณะที่พื้นที่สีส้ม ได้แก่ สมุทรสงคราม ราชบุรี นครปฐม และพื้นที่กรุงเทพฝั่งตะวันตก ซึ่งเรามองมาตรการดังกล่าวซึ่งแรงน้อยกว่าการ “ปิดเมือง” เป็นบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน อย่างไรก็ตามการระบาดที่ทวีวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องระวัง 1) การขยายระยะเวลาควบคุมพื้นที่ออกไป และ 2) การใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยผันผวนระยะสั้น แต่ไม่กระทบต่อภาพใหญ่การลงทุนที่เรามองเป็นบวก

ผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ กลุ่มโรงแรม คาดได้รับความกังวลจากการระงับการเดินทางและยกเลิกห้องพักในช่วงควบคุมโรค และช่วงที่การระบาดยังมีแนวโน้มไม่สามารถควบคุมได้, กลุ่มการแพทย์ ได้รับผลกระทบจากการอนุญาตให้ผู้ป่วยต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามารับการรักษามีแนวโน้มเลื่อนออกไป, กลุ่มขนส่งมวลชน (BTS และ BEM) คาดได้รับผลกระทบจากจำนวนผู้โดยสารที่จะลดลง เนื่องจากการประกาศปิดสถานศึกษา และให้ดำเนินการเรียนการสอนแบบออนไลน์ รวมถึงนโยบานการขอความร่วมมือให้ทำงานจากที่บ้าน (WFH) อย่างไรก็ตาม เราคาดกลุ่มที่มีผลกระทบต่ำ ได้แก่ กลุ่มโภคภัณฑ์ (พลังงานและปิโตรเคมี) เนื่องจากอิงอุปสงค์และอุปทานจากภายนอก, กลุ่มโลจิสติกส์ อาจได้อานิสงค์บวกจากการขนส่งสินค้า และยอดสั่งสินค้าออนไลน์ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปิดเมืองบางส่วนนี้ กลุ่มประกันภัย คาดได้อานิสงค์จากการจำหน่ายประกันสุขภาพชุดใหม่ของปี 2564 ก่อนที่ประกันโควิดเดิม จะทยอยหมดในช่วงต้นปีหน้า

กนง.คงดอกเบี่ยนโยบายที่ 0.50% เป็นไปตามคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ และทำให้หุ้นในกลุ่มการเงินและเช่าซื้อมีแรงขายทำกำไรหลังมีแรงเก็งกำไรการลดดอกบี้ยไปก่อนหน้า สำหรับกลุ่มธนาคาร เราคาดจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวหลังไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยและทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรขยับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดการฟื้นตัวอย่างจริงจังจะเกิดขึ้นในช่วงกลางม.ค.64 หลังเริ่มเห็นการยืนยันเกี่ยวกับทิศทางผลการดำเนินงานและ NPL จากงบไตรมาส 4/63

ภาพรวมกลยุทธ์ คงมุมมองเชิงบวกต่อ ภาพระยะกลาง-ยาว โดยมี downside 1,350-1,400 จุด ทั้งนี้อาจลงทดสอบ 1,400 จุด หรือต่ำกว่าอีกหรือไม่ก็ได้ ดังนั้นเน้นซื้อในเชิงตั้งรับ และหากมีการปรับลงแรงจะเป็นโอกาสซื้อที่ดี // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร VNT*, TVO*, TIP*, TTA*

แนวรับ 1,405 จุด / แนวต้าน : 1,432-1,444 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

ค่าเงินปอนด์พุ่ง 1% หลังข่าวระบุอังกฤษ-อียู ใกล้บรรลุข้อตกลงการค้า. สมาชิก 27 ชาติของ EU ได้เริ่มเตรียมการสำหรับกระบวนการบังคับใช้ข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับอังกฤษเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564

สหรัฐสั่งวัคซีน Pfizer-BioNTech เพิ่มอีก 100 ล้านโดส. โดยคาดจะส่งมอบทั้งหมดภายใน 31 ก.ค.2564 เท่ากับว่าสหรัฐทำสัญญาซื้อวัคซีนรวมทั้งสิ้น 200 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอต่อการฉีดให้กับประชากร 100 ล้านคน

กนง.คาดเศรษฐกิจไทยฟื้น 3.2% ในปี 64 และ 4.8% ในปี 65. กนง.ปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 63 ขึ้นเป็น -6.6% จากก่อนหน้าที่ -7.8% ขณะที่ปรับลดคาดการณ์ปี 64 ลงเป็น 3.2% จากเดิมที่ 3.6% หลังโมเมนตัมการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มล่าช้าออกไปจนถึงช่วงกลางปีหน้า

สถานการณ์โควิดในประเทศไทย. ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 46 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 39 ราย จากกรุงเทพฯ 11 ราย, ฉะเชิงเทรา 5 ราย, นครปฐม 3 ราย, กำแพงเพชร 2 ราย, สมุทรปราการ 2 ราย และกระจายในจังหวัดอื่นอีกราว 12 จังหวัด ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 5,762 ราย อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบการติดเชื้อจากสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษ

ประเด็นติดตาม: 24 ธ.ค. : ประชุม ศบค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)