BEC พุ่ง เก็ง 2 กลุ่มชิงหุ้นใหญ่ ‘1 เดือน' ราคาทะยาน 70%

BEC พุ่ง เก็ง 2 กลุ่มชิงหุ้นใหญ่ ‘1 เดือน' ราคาทะยาน 70%

BEC ราคาหุ้นพุ่ง 70% เพียงกว่า 1 เดือน ด้านโบรก เชื่อเกิดจากนักลงทุนคาดผลดำเนินงานปีหน้าพลิกกลับมามีกำไรครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังเดินหน้าลดค่าใช้จ่าย ขายหุ้น “บีอีซีเทโร” ล่าสุดสะพัดกลุ่ม 'จุฬางกูร' ทยอยเก็บหุ้น

ในช่วงกว่าเดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ปรับตัวเพิ่มขึ้น 70.99% จากราคาปิดสิ้นเดือนพ.ย. 2563 อยู่ที่ 4.62 บาท  มาอยู่ที่ 7.90 บาท (ราคาปิด17 ธ.ค.)ด้านโบรกเกอร์ คาด ราคาหุ้น ปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวในปีหน้า  จากการลดค่าใช้จ่าย และ ขายหุ้น บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ออกไปทำให้ไม่ต้องแบกภาระขาดทุน รวมถึงมีกระแสข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่ “จุฬางกูร”  ได้การเข้าไปซื้อหุ้น เพื่อหวังเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนกลุ่ม “มาลีนนท์”

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น BEC ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะ ก่อนหน้านี้ BEC ได้มีการเปลี่ยนผู้บริหาร ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย มีการปรับเปลี่ยนภายใน มีการลด(เลย์ออฟ)พนักงาน เพื่อลดค่าใช้จ่าย และปัจจัยสำคัญที่ราคาหุ้นขึ้น เพราะ BEC ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ใน บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คิดเป็น 59.99% ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินดีขึ้น จากที่ผ่านมา บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ขาดทุน

รวมถึงแนวโน้มธุรกิจทีวีดิจิทัลดีขึ้น จากรายได้ค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึงปีหน้า ซึ่งบริษัทคาดปี2564 BEC จะจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิครั้งแรกในรอบ3 ปี จากที่เริ่มขาดทุนตั้งแต่ปี 2561-2563 โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 459 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปีนี้ ที่มีขาดทุนสุทธิ 371 ล้านบาท โดย ปัจจัยหลักจากการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่นต้นทุนขาย เพราะหากดูตัวเลขรายได้นั้นทางบริษัทประเมินว่าจะอยู่ที่ 6,500 บาท จากปี นี้คาดอยู่ที่5,800 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามราคาหุ้นBEC ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงนั้น ซึ่งราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่ไม่มาก โดยบริษัทให้ราคาเหมาะสมที่ 8.70 บาท ต่อหุ้น จึงแนะนำแค่เก็งกำไร

     

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ กล่าวว่า ราคาหุ้นของ BEC ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง คาดมาจาก 3 ปัจจัย  คือ หลังจากที่ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส3 ปี 2563  นั้นปรับตัวดีขึ้น โดยพลิกกลับมามีกำไรครั้งแรกในรอบหลายไตรมาส  โดยมีกำไรอยู่ที่ 60 ล้นบาท  จากที่BEC ได้มีลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ควบคุมต้นทุนการผลิตละครลดลง  รวมถึงการลดขนาดองค์กร ในการลดพนักงานลง  รวมถึงปีนี้ มีรายได้จากช่องทางใหม่  จากการขายลิขสิทธิ์ละครไปขายต่างประเทศ และ ขายในแพลตฟอร์มออนไลน์ 

     รวมถึงในช่วงต้นเดือนธ.ค. BEC ได้มีการขายหุ้น “บีอีซี-เทโร“ออกไป ซึ่งในปี2562 มีผลขาดทุน 200 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้ ทาง ”บีอีซี-เทโร”จะมีผลขาดทุนเช่นกันเพราะ โควิด-19 ระบาดทำให้การไม่สามารถจัดงานคอนเสิร์ตได้ 

     ดังนั้นเมื่อขายหุ้น “บีอีซี-เทโร” ออกไป  ทำให้ปีหน้าจะมีผลขาดทุนหายไป ประมาณ 100 ล้านบาท ก็จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินของ BEC  ในปีหน้าที่จะพลิกมีกำไร เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี  และราคาที่ขายออกไปนั้น เป็นราคาที่สูงกว่า มูลค่าทางบัญชี ทำให้ BEC จะมีการบันทึกกำไรพิเศษ เข้าในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้   นอกจากนี้ยังมีการเก็งกำไร กรณีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา จะได้มีการพักโทษกรณีพิเศษ ทำให้คาดว่าจะออกจากเรือนจำได้ในปีหน้า 

    

 ทั้งนี้จาก ข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59)ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุ ว่าตั้งแต่ต้นปี ถึงปัจจุบัน นางสาว นิภา มาลีนนท์, นางสาว รัตนา มาลีนนท์ และ นางสาว อัมพร มาลีนนท์  ได้เข้ามาซื้อหุ้นBEC รวม 64 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 327.58 ล้านบาท