ระวังความผันผวนในช่วงสั้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายสัปดาห์

ระวังความผันผวนในช่วงสั้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงปลายสัปดาห์

ราคาน้ำมันเข้าสู่ช่วงผันผวนก่อนการประชุมโอเปค

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นมาราว 18% นับจากสิ้นไตรมาส 2/63 และราว 200% นับจากจุดต่ำสุดในช่วงกังวลโควิด เป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการผนึกกำลังกันปรับลดการผลิต ซึ่งมีข่าวว่าโอเปคอาจขยายระยะวลาที่จะปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 3-6 เดือน (จากปรับลด 7.7 เหลือ 5.8 ล้านบาร์เรล มีกำหนดที่สิ้นม.ค.64) เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโควิดในยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งสมาชิกโอเปคและพันธมิตรจะมีกำหนดการประชุม 30 พ.ย.-1 ธ.ค. ซึ่งต่อให้มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตจริง ตลาก็มีโอกาสขายทำกำไรน้ำมันดิบจากราคาที่ปรับขึ้นเร็ว ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในระยะสั้นในหลายประเทศ เริ่มมีสัญญาณชะลอตัว

รายงานการประชุมเฟดเป็นบวกระยะยาว แต่.... รายละเอียดจากรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) สหรัฐฯ โดยรวมยังสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการปรับขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตามจากการที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE) ในเร็วๆนี้ ทำให้การดำเนินนโยบายในช่วงสั้นอาจเห็นการควบคุมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไม่ให้สูงเกินจนเป็นอุปสรรคกับภาคธุรกิจ ทำให้ประเมินมีโอกาสที่ตลาดจะคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (US Bond Yield) จะปรับลดลง ซึ่งความคาดหวังดังกล่าวประกอบกับราคาน้ำมันที่เริ่มมีอัพไซด์ช่วงสั้นจำกัด คาดจะทำให้มีโอกาสเห็นแรงทำกำไรกลุ่มพลังงานและธนาคาร ขณะที่อาจหมุนให้เงินเข้าสู่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ขยับลง อาทิ ไฟฟ้า, สื่อสาร, อสังหาริมทรัพย์, กองทุนอสังหาฯและกอง REITs รวมถึงพวกหุ้นปันผลต่างๆ

SET50 ที่ผลตอบแทน YTD Laggard สุด 25 ลำดับ: BANPU, TCAP, TMB, EGCO, KTB, MINT, KBANK, TOP, DTAC, TRUE, SCB, AWC, IRPC, VGI, BBL, WHA, BH, PTTEP, IVL, GPSC, BTS, RATCH, LH, BDMS, TISCO, SAWAD

ภาพรวมกลยุทธ์ โมเมนตัมระยะกลางเป็นบวก แต่ช่วงสั้นมีโอกาสผันผวนจากราคาน้ำมันดิบ และการประชุมเฟด (17 ธ.ค.) การเก็งกำไรเน้นเลือกรายตัว โดยเฉพาะ Laggard และกลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนพัธบัตรลง ขณะที่ไม่ควรไล่ราคาพลังงานและธนาคาร// หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร SCGP*, VNT*, AGE*

แนวรับ 1,390-1,400 จุด / แนวต้าน : 1,427 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

 

ประเด็นการลงทุน

โจ ไบเดน เตรียมนำสหรัฐกลับเข้าระบบพหุภาคี – โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ x ของสหรัฐ เผยจะนำสหรัฐกลับเข้าสู่สังคมโลกพหุภาคีอีกครั้งหลังโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างปฏิปักษ์ต่อชาติพันธมิตรด้วยนโยบาย “American first”

GDP เยอรมนีดีกว่าคาดในไตรมาส 3/2563กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการ GDP ครั้งที่ 2 สำหรับไตรมาส 3/63 ขยายตัว 33.1% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งแรก)

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับลงในเดือน พ.ย. – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือน พ.ย. ร่วงลงสู่ระดับ 76.9 แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 76.8

สบน.ลุยออกพันธบัตร เป้า 1 แสนล้าน – สบน. เดินหน้าออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนตามเป้า 1 แสนล้านบาท หวังผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หลังที่ผ่านมา ออกไปแล้ว 2 หมื่นล้านบาท ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทุกประเภท

CENTELเชื่อต่างชาติเข้าไทยคึกคักไตรมาส 4/64 ธุรกิจโรงแรมเนนปรับโปรโมชันรับมาตรการภาครัฐ ชูธุรกิจอาหารฟื้น 80%

 

ประเด็นติดตาม: 30 พ.ย. – Chinese PMI เดือน พ.ย., TH economic data/ 1 ธ.ค. – EU CPI เดือน พ.ย., 3 ธ.ค. – TH consumer confidence เดือน พ.ย.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)