‘ราคาสินค้าเกษตร’ พุ่งต่อ ท่ามกลางจีดีพีเกษตรทรุด ปมพิษโควิดหลอนไม่เลิก

‘ราคาสินค้าเกษตร’ พุ่งต่อ ท่ามกลางจีดีพีเกษตรทรุด ปมพิษโควิดหลอนไม่เลิก

สศก. ระบุGDPเกษตรQ3หดตัว 0.4 คาด ทั้งปี (-3.4) - (-2.4) % เหตุจากภัยแล้ง ขณะราคาสินค้าปรับตัวดีขึ้นเพราะผลผลิตมีน้อย ด้านส่งออก ก.ค.-ก.ค. 2.25 แสนล้านบาท ลดลง 8.97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส3ปี2563(ก.ค.- ก.ย.) พบว่า หดตัว0.4%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2562โดยสาขาพืช สาขาประมง สาขาบริการทางการเกษตร และสาขาป่าไม้ หดตัวลง ขณะที่สาขาปศุสัตว์ยังคงขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาสนี้ ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมาแต่ยังคงหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2562เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งที่ต่อเนื่องถึงช่วงกลางปี เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงในบางพื้นที่ของประเทศ รวมทั้งปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำสำคัญและปริมาณน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติมีปริมาณน้อยกว่าปีที่ผ่านมา

ส่งผลให้สาขาพืชซึ่งเป็นสาขาการผลิตหลักยังคงหดตัวที่0.8%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562โดยผลผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญที่ลดลง ได้แก่ ข้าวนาปรัง มันสำปะหลัง สับปะรดโรงงาน ปาล์มน้ำมัน มังคุด และเงาะ ขณะที่ยางพาราลดลงจากจำนวนวันกรีดยางที่ลดลงจากฝนตกชุก รวมถึงการขาดแคลนแรงงานในการกรีดยาง นอกจากนี้ การผลิตพืชหลักที่ลดลงยังส่งผลให้สาขาบริการทางการเกษตรหดตัวตามไปด้วย โดยไตรมาส 3หดตัวที่0.2%เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งและภาวะฝนทิ้งช่วงส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร

160449546245

สำหรับสาขาประมง หดตัวเช่นกันที่ 0.9%จากปริมาณการเลี้ยงกุ้งทะเลและสัตว์น้ำจืดที่ลดลง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของCOVID-19ทำให้ความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลง ส่งผลให้เกษตรกรปรับลดพื้นที่การเลี้ยง ปรับลดจำนวนลูกพันธุ์ และชะลอการลงลูกกุ้ง ส่วนสาขาป่าไม้หดตัว 1%จากปริมาณผลผลิตไม้ยูคาลิปตัส ไม้ยางพารา และครั่ง ที่ลดลงตามความต้องการของตลาดและการส่งออกที่ชะลอตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของCOVID-19

อย่างไรก็ตามสาขาปศุสัตว์ยังขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 2.4% จากการเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นและจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกเนื้อไก่ที่สำคัญของไทย และการใช้สายพันธุ์โคนมที่เหมาะสม ส่งผลให้อัตราการให้น้ำนมเพิ่มขึ้น

สำหรับภาวะเศรษฐกิจการเกษตรตลอดปี2563คาดว่า จะหดตัวอยู่ในช่วง (-3.4) - (-2.4)%เมื่อเทียบกับปี2562โดยสาขาพืชและสาขาบริการทางการเกษตรมีทิศทางหดตัวลงตามการผลิตพืชเศรษฐกิจสำคัญหลายชนิดที่มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากหลายพื้นที่ประสบภัยแล้ง ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิตทางการเกษตร อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนส.ค.- ก.ย. ที่ผ่านมามีฝนตกเพิ่มขึ้น ทำให้เกษตรกรมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งกระทรวงเกษตฯ จะติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ส่วนสาขาประมงคาดว่าจะปรับตัวลดลง ทั้งการทำประมงทะเลและประมงน้ำจืด เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนและปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเลี้ยง ในขณะที่สาขาปศุสัตว์และสาขาป่าไม้คาดว่าจะขยายตัวได้ตามความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนินนโยบายด้านการเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการวางแผนการใช้น้ำ การส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิตและยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร การส่งเสริมการขายสินค้าเกษตรออนไลน์ รวมถึงการส่งเสริมการบริโภคและการใช้สินค้าเกษตรในประเทศ

160449549134

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี2563สศก. ยังมีปัจจัยและสถานการณ์สำคัญที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง เช่น ความแปรปรวนของสภาพอากาศ การระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในสถานการณ์การระบาดของCOVID-19ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ โดยสถานการณ์การระบาดที่ยังคงยืดเยื้อและความเสี่ยงของการกลับมาระบาดในรอบที่2และความเสี่ยงจากความขัดแย้งระหว่างประเทศทั้งในด้านการค้าและความมั่นคงที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการลงทุน เป็นต้น

นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการ สศก.กล่าวว่า หากพิจารณาถึงราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ในช่วงไตรมาส 3ปีนี้ สินค้าสำคัญที่เกษตรกรขายได้มีราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2562ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง สับปะรดโรงงาน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน มังคุด เงาะ สุกร กุ้งขาวแวนนาไม ปลานิล และ ปลาดุก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปริมาณผลผลิตที่ลดลง และบางสินค้ามีความต้องการของตลาดในประเทศและตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าสำคัญที่เกษตรกรขายได้มีราคาเฉลี่ยลดลงได้แก่ ลำไย ไก่เนื้อ ไข่ไก่ และน้ำนมดิบ เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น

ด้านการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ในช่วงเดือนก.ค. – ส.ค. 2563มีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 205,010.19 ล้านบาท ลดลง 8.97% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 225,222.45 ล้านบาทสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณและมูลค่าส่งออกลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ได้แก่ ข้าวรวม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลและผลิตภัณฑ์ ยางพารา สับปะรดและผลิตภัณฑ์ ทุเรียนและผลิตภัณฑ์ มังคุด และเงาะและผลิตภัณฑ์ กุ้งและผลิตภัณฑ์ และปลาหมึกและผลิตภัณฑ์ ขณะที่สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562ได้แก่ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ น้ำมันปาล์ม ลำไยและผลิตภัณฑ์ เนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์ และปลาและผลิตภัณฑ์