กกร.ชี้ 'โจ ไบเดน' ชนะเลือกตั้งนโยบายการค้าผ่อนคลาย
กกร.คาดโควิด-19 ระบาดรอบ2 กระทบจีดีไตรมาส4 0.37%-0.5% หนุนทำเอฟทีสร้างแต่มต่อทางการค้า มองเลือกตั้งสหรัฐหากโจ ไบเดนชนะทำการค้าผ่อนคลาย
นายกลินท์ สารสิน. ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน3 สถาบัน(กกร.) กล่าวภายหลังการประชุมกกร.ว่าที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐโดยเห็นว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯส่งผลต่อนโยบายการค้าและการลงทุนที่เปลี่ยนไปซึ่งมีผลทั้งบวกและลบโดยหากนายโจไบเดนจากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งประธานธิบดีสหรัฐฯและพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาอาจจะส่งผลให้นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯกับคู่ค้ามีแนวโน้มกลับมาผ่อนคลายมากขึ้นแต่หากนายโดนัลทรัมป์กลับมาจะใช้นโยบายเดิมต่อเนื่อง
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ประเมินเศรษฐกิจไทยปลายไตรมาสที่3 พบว่าได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในต่างประเทศการส่งออกในเดือนก.ย.ปรับตัวดีขึ้นมากหดตัวเพียง3.9% เทียบกับเดือนส.ค.ที่หดตัว7.9% ภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมดีขึ้นอาทิชิ้นส่วนรถยนต์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบและเม็ดพลาสติกฟื้นตัวได้ดีสอดคล้องกับทิศทางของภาคอุตสาหกรรมในต่างประเทศส่วนการใช้จ่ายในประเทศฟื้นตัวโดยมีมาตรการของภาครัฐสนับสนุน
สำหรับปีหน้าอาจจะมีปัญหาเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนทำให้ค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มสูงขึ้นโดยกกร.นำคณะไปหารือกับกระทรวงคมนาคมเพื่อวางแผนรับมือในอนาคต
ด้านการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 ที่รุนแรงในหลายประเทศเป็นความเสี่ยงหลักในช่วงที่เหลือของปี2563 ประเทศหลักในสหภาพยุโรปประกาศล็อกดาวน์ประมาณ1 เดือน ในช่วงเดือนพ.ย.เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแม้การล็อกดาวน์ในครั้งนี้จะเน้นจำกัดกิจกรรมของผู้บริโภคไม่ได้ให้หยุดภาคการผลิตแต่ก็คาดว่าจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมแผ่วลงในเบื้องต้นคาดว่าจะกระทบGDP ไทยในไตรมาสที่4 ราว0.37-0.5% เนื่องจากคาดว่าจะมีผลกระทบต่อความต้องการสินค้าส่งออก
อย่างไรก็ตามหากไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทยหรือสามารถควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้กอปรกับเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีเช่นมาตรการคนละครึ่งและมาตรการช้อปดีมีคืนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยกกร. มองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส4 น่าจะฟื้นตัวได้ต่อไป
สำหรับทั้งปี2563 กกร. คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวในกรอบ-9.0% ถึง-7.0% ขณะที่คาดว่าการส่งออกจะหดตัวในกรอบ-10.0% ถึง-8.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ-1.5% ถึง-1.0%
นายกลินท์ กล่าวว่า ทั้งนี้กกร.เห็นว่า เขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อไทยมากโดยเฉพาะในกรอบเช่นFTA Thai-UK, FTA Thai-EU, CPTPP เป็นต้นซึ่งกกร.ได้พิจารณาแล้วว่ามีหลายข้อบทที่เกี่ยวเนื่องกันในFTA เกือบทุกกรอบทั้งในระดับพหุภาคีและทวิภาคีได้แก่UPOV (การคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่), CL (Compulsory Licensing), แรงงานและการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐโดยกกร.จะเสนอให้รัฐบาลจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐที่มีกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่างๆกับกกร. เพื่อให้มีการเตรียมตัวครอบคุมในทุกภาคส่วนโดยอยากให้มีการจัดตั้งโดยเร็วเพื่อไม่ให้ไทยเสียโอกาสในเวทีการค้าโล
ส่วนแผนการช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคธุรกิจโรงแรมที่มีข้อเสนอของภาคเอกชนได้เสนอไปยังภาครัฐก่อนหน้านี้เรื่องการตั้งกองทุนเพื่อซื้อโรงแรมที่ยังมีศักยภาพตามความเหมาะสมโดยกกร.ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าวโดยละเอียด