JUBILE - ซื้อ

JUBILE - ซื้อ

คาดผลประกอบการ 2Q63 เป็นจุดต่ำสุด พร้อมปรับเพิ่มประมาณการปี 63

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

Ø  รายงานกำไร 2Q63 ที่ 35 ลบ. -22%QoQ และ -47%YoY: รายได้ 2Q63 หดตัว 31%YoY สู่ 252 ลบ.โดยได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ประเทศไทยระหว่างวันที่ 28 มี.ค.-16 พ.ค. 63 ทำให้บริษัทฯต้องปิดสาขา 127 สาขาเหลือเปิดดำเนินการได้เพียง 3 สาขา คือ สีลม สะพานเหล็ก และจันทบุรี ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อนที่ 49.6% เนื่องจากมีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวลงสู่ 77 ลบ. ลดลงจาก 1Q63 ที่ 119 ลบ. เนื่องจากการปรับลดค่าใช้จ่ายจากผลกระทบของการปิดสาขา  ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไร 2H63 ที่ 80 ลบ. -33%YoY หรือคิดเป็น 50% ของประมาณการเดิม

Ø  คาดผลประกอบการ 2H63 ฟื้นตัวขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์ : ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้และกำไร 2H63 จะฟื้นตัวจากช่วง 1H63 เนื่องจากสาขาของบริษัทสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ 127 สาขาจาก 130 สาขา (มีสาขาปิดปรับปรุง 1 สาขา และปิดทำการอีก 2 สาขา) นอกจากนี้ยังมีการจัดงาน Mid year sale ระหว่าง 30 ก.ค.-2ส.ค. 63 เป็นตัวหนุนรายได้และผลประกอบการ 3Q63 เพิ่มเติม อย่างไรก็ตามเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอ่อนตัวลงจาก 49.6% ราว 1-2% เนื่องจากยอดขายในงาน Mid year sale มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าปกติ ขณะที่ 4Q63 เป็น High season และจะมีการจัดงานใหญ่อีก 1 งานเพื่อกระตุ้นยอดขาย ขณะที่คาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เป็นตัวเงินจะปรับตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนเนื่องจากแผนการปรับลดค่าใช้จ่าย แต่จะเพิ่มขึ้นจาก 1H63 เนื่องจากกลับมาเปิดสาขาทั้งหมดตามปกติ

Ø  ปรับประมาณการปี 63 และ 64 เพิ่มขึ้น 20% และ 6%ตามลำดับ : แม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบ COVID-19 แต่บริษัทได้ปรับตัวเป็นการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นโดยล่าสุดสัดส่วนรายได้จากออนไลน์เพิ่มขึ้นจาก 3-5% เป็น 10% อีกทั้งบริษัทได้จัดงาน Mid year slaes และงานใหญ่ช่วงปลายปี เพื่อกระตุ้นยอดขายเพิ่มเติม ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ปี 63 ขึ้น 20% จากประมาณการเดิมที่ 1.36 พันล้านบาทสู่ 1.62 พันล้านบาทเนื่องจากบริษัทสามารถรับมือกับผลกระทบของ COVID-19 ได้เป็นอย่างดี และปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจาก 45% สู่ 46% หลังยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการปี 63 ขึ้น 20% สู่ 192 ลบ.แต่หดตัว 27%YoY ขณะที่เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 64 ขึ้น 6% เนื่องจากคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการขายช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น แต่คงรายได้ปี 64 ที่ 1.83 พันล้านบาทตามสมมติฐานเดิม

Ø เพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อพร้อมปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 19.40 บาท: ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ระดับ 12.5 เท่า (PE Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี) พร้อมปรับใช้ราคาเหมาะสมเป็นปี 64 ส่งผลให้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 13.80 บาทต่อหุ้นสู่ 19.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาปิดล่าสุดเราจึงปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ โดยคาดหวังอัตราเงินปันผล 4.1%ต่อปี

ความเสี่ยง : COVID-19 กลับมาระบาดรุนแรงรอบ 2

              : เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าแม้ปลดล็อกดาวน์จาก COVID-19