LH - ซื้อ

LH - ซื้อ

ผู้อยู่รอด

เราปรับลดประมาณการกำไรปี FY20-22 จากกำไรจากการขายเงินลงทุนและกำไรจากกิจการร่วมค้าที่มีแนวโน้มจะน้อยกว่าที่คาดไว้ต้นปีเนื่องจากผลกระทบจาก Covid-19 และเศรษฐกิจที่หดตัว อย่างไรก็ตามเรายังมอง LH ยังเป็นหุ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มในแง่ของสภาพคล่องภายในบริษัท งบดุลและการกระจายพอร์ตฟอลิโอลงทุนที่ดีซึ่งได้สะท้อนในผลประกอบการในไตรมาสแรกแล้ว เราคงคำแนะนำซื้อสำหรับ LH ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 8.6 บาทต่อหุ้น

 

ธุรกิจที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่งท่ามกลาง Covid-19

ผลประกอบการในไตรมาสแรกได้บอกเราหลายอย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบของ LH นั้นแข็งแกร่งทนทานต่อผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและ Covid-19 ได้ดีกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในกลุ่ม โดยรายได้จากการโอนลดลงเพียง 13% qoq และยังสามารถคงที่ yoy เท่ากับปีที่แล้วที่ 5.6 พันล้านบาท ในขณะที่เราเห็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นได้รับผลกระทบหนักซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วรายได้การโอนที่อยู่อาศัยที่ลดลงถึง 50% ทั้งนี้ในไตรมาสที่ผ่านมาทาวน์โฮมของ LH สามารถทำยอด presales ได้ดีและมีการโอนที่แข็งแกร่งจากโครงการทาวโฮมใหม่ “Indy Bangna-Ramkhamhaeng 2” ซึ่งสามารถสร้าง take-up rate ได้ถึง 60% เป็นผลจากภาพลักษณ์ที่ดีของ brand ทำเลที่ตั้ง และราคาที่เข้าถึงได้ที่ราว 3.9 ล้านบาทต่อหน่วย

 

รายได้จากโรงแรมลดลง แต่รายได้จากที่อยู่อาศัยระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ดีรายได้ค่าเช่าของบริษัทลดลงอย่างมากใน 1Q20 โดยมีสาเหตุหลักจากมาตรการ lockdown ทำให้อัตราการเช่าลดลงจาก 80-90% เหลือ 60% ใน 1Q20 (เหลือเลขหลักเดียวในเดือนมีนาคม) รายได้ค่าเช่าจากทรัพย์สินในไทยลดลง 25% qoq และ 27% yoy สู่ระดับ 805 ล้านบาท ในขณะที่อพาร์ตเมนท์ใน US ยังคงสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งท่ามกลาง Covid-19 ที่ 182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% qoq และ 20% yoy รายได้จากสินทรัพย์ในไทยได้รับผลกระทบที่มากกว่าใน US เนื่องจากทรัพย์สินที่เป็นการเช่าส่วนมากของ LH ในไทยจะเป็นโรงแรม ในขณะที่ทรัพย์สินใน US เป็นอพาร์ทเมนต์เช่าระยะยาว

 

เรื่องสภาพคล่องไม่ใช่ปัญหาของ LH

แม้ว่าบริษัทจะมีหุ้นกู้ครบกำหนดชำระในปี 2020 รวม 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นงวดแรก 7 พันล้านบาท ในเดือนเมษายนและที่เหลือในเดือนตุลาคมอีก 7 พันล้านบาท สำหรับหุ้นกู้ชุดแรก LH ได้ทำการชำระหนี้โดยใช้วงเงินกู้ยืมธนาคาร ในขณะที่หุ้นกู้ชุดที่สองของปีนี้ที่จะครบกำหนด LH ได้ออกหุ้นกู้มูลค่ารวม 5.4 พันล้านบาทในวันที่ 12 พฤษภาคมเพื่อเตรียมชำระหุ้นกู้ชุดดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมพูดคุยกับธนาคารสำหรับวงเงินกู้เพิ่มเติมอีก 1.36 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลังของปี

 

ปรับประมาณการกำไรลงจากกำไรการขายเงินลงทุนและกำไรจากกิจการร่วมค้า

เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวแรงและฟื้นตัวช้าเราเชื่อว่าจะเป็นการยากขึ้นที่จะหาผู้ซื้อที่เสนอราคาที่ดีต่อแผนการขายเงินลงทุนในสหรัฐของ LH อีกทั้งกำไรจากกิจการร่วมค้ามีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวกว่าคาด เราจึงปรับสมมติฐานและลดการคาดการณ์กำไรสำหรับปี 2020-22 ลง 16% 15% และ 13% ตามลำดับ และใช้วิธีประเมินมูลค่าหุ้น SOTP ได้ราคาเป้าหมายที่ 8.6 บาทต่อหุ้น ด้วย upside จากราคาเป้าหมายและผลตอบแทนเงินปันผลที่สูง โดยเฉพาะอย่างเมื่อกำไรมาจากพอร์ตที่มีเสถียรภาพและการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินงานที่ดีกว่าบริษัทอื่นในกลุ่ม เราจึงคงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ LH