กลต.เชือดอดีตบิ๊ก 'โนเบิล' ใช้ข้อมูลภายในเทรดหุ้นพร้อมหลานเขย สั่งปรับ 15.9 ล้าน

กลต.เชือดอดีตบิ๊ก 'โนเบิล' ใช้ข้อมูลภายในเทรดหุ้นพร้อมหลานเขย สั่งปรับ 15.9 ล้าน

ก.ล.ต. เชือด “กิตติ ธนากิจอำนวย” พร้อมหลานเขย เป็นเงินกว่า 15.9 ล้านบาท ฐานใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น “โนเบิล” พร้อมสั่งห้ามนั่งเป็นบอร์ด-ผู้บริหาร บจ. นาน 12 เดือน พร้อมร่อนหนังสือเวียนถึง บจ.กำชับเปิดข้อมูลผลกระทบโควิด หวังให้นักลงทุนรับทราบข้อมูล

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 2 ราย ได้แก่ นายกิตติ ธนากิจอำนวย อดีตกรรมการและผู้บริหาร บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์(NOBLE) และ นายคงภัทร์ จิรมณีกุล ซึ่งเป็นหลานเขยของนายกิตติ กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น NOBLE

โดย ก.ล.ต. ได้เรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. รวมจำนวน 15.95 ล้านบาท และกำหนดระยะเวลาห้ามบุคคลทั้งสองเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนพ.ค.2561 นายกิตติ ได้รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อหุ้น NOBLE ที่ราคา 12.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดและนายกิตติซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของ NOBLE ในขณะนั้นได้เปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวแก่นายคงภัทร์ โดยรู้หรือควรรู้ว่านายคงภัทร์อาจนำข้อมูลนั้นไปใช้ในการซื้อหุ้น NOBLE และนายคงภัทร์ได้ซื้อหุ้น NOBLE ในระหว่างวันที่ 4 – 11 มิ.ย.2561 จำนวน 4,088,600 หุ้น ก่อนมีการเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อสาธารณะในวันที่ 12 มิ.ย.2561 ทำให้ นายคงภัทร์ ได้รับผลประโยชน์จากกำไรในการซื้อหุ้น NOBLE เป็นเงินจำนวน 7,043,960 บาท

การกระทำของนายกิตติ และ นายคงภัทร์ เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ ดังนั้นคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายกิตติและนายคงภัทร์ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิดให้แก่ ก.ล.ต. ในส่วนของนายกิตติ คิดเป็นเงินรวม 6.53 แสนบาท และนายคงภัทร์ คิดเป็นเงินรวม 15.29 ล้านบาทบาท และกำหนดระยะเวลาห้ามนายกิตติและนายคงภัทร์ เป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลารายละ 12 เดือน 

ทั้งนี้ การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง 

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังได้ ส่งหนังสือเวียนถึงบริษัทจดทะเบียนและบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ทุกแห่ง แนะนำแนวทางในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ฐานะการเงิน และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน และบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ รวมถึงผลกระทบต่อราคาซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ก.ล.ต.)

ทั้งนี้ ก.ล.ต. จึงสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนและบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ทุกแห่งให้เปิดเผยข้อมูลผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งในเชิงลบ และเชิงบวกผ่านช่องทางสื่อสารต่าง ๆ หรือเปิดเผยในงบการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่มีความสำคัญต่อการติดตามการดำเนินงานของบริษัท และใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งก.ล.ต. ได้จัดทำแนวทางการเปิดเผยข้อมูลสำหรับบริษัทจดทะเบียนใช้ประกอบการพิจารณาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อผู้ลงทุน